เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 23 มีนาคม 2568 ร.ต.อ.ณัฐชัย ศักดิ์บูรณาเพชร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุบุคคลใช้อาวุธปืนยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ภายในหอพักแห่งหนึ่งใน พื้นที่ ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงประสาน ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลพุทธชินราช และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุภายในพื้นที่หอพักแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ ม.8 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก บริเวณลานจอดรถพบร่างหญิง 1 รายมีบาดแผลบริเวณศีรษะ (ถูกยิงกกหูขวากระสุนทะลุขมับซ้าย)เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ทำการ CPR แต่ไม่เป็นผลยืนยันเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อต่อมาคือนางสาวลัดดาวัลย์ อินขำวงค์ อายุ 33 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 6/5 ม.11 ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ห่างออกไปประมาณ 6 เมตร บนลานดิน พบร่าง นายวิโรจน์ ทองนาค อายุ 40 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก (มีบาดแผลถูกยิงขมับซายทะลุขมับขวา) ใกล้กันพบอาวุธปืน .38 super ไทยประดิษฐ์ ตกอยู่ 1 กระบอก ห่างออกไปประมาณ 4 เมตรเป็นป่ารก ด้านนอกมีต้นไม้ใหญ่ติดกับรั้วของหอพัก พบขวดเหล้า 1 แบนมีร่องรอยของการถูกดื่ม และพบขวดน้ำเปล่า 1 ขวดคาดว่าจะเป็นของผู้ก่อเหตุ
จากการสอบถามนายศักดิ์สิทธิ์ ทองนาค อายุ 18 ปี เป็นลูกชายของผู้เสียชีวิตทั้งคู่เล่าให้ฟังว่า พ่อประกอบอาชีพรับจ้างก่อสร้าง ส่วนแม่เป็นพนักงานห้างโลตัส(สาขาท่าทอง) พ่อกับแม่เลิกกันได้ประมาณ 1 ปีแล้ว แต่ก็มีไปๆมาๆ เจอกันบ้าง ปกติตนกับน้องสาว อายุ 9 ปี พักอาศัยอยู่กับย่าที่ อ.พรหมพิราม (แต่อยู่คนละบ้านกับพ่อ) ช่วงนี้ตนเรียนจบแม่จะฝากเข้าทำงานที่ห้างโลตัส ส่วนน้องสาวปิดเทอม ทั้ง 2 คนจึงมาอยู่กับแม่ช่วงนี้ ขณะเกิดเหตุ น้องสาวตนกับแม่ไปทำงานด้วยกัน ส่วนตนอยู่ที่หอพักชั้น 3 ช่วงเย็นแม่ได้ขับรถ จักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX ทะเบียน1 กล.645 พิษณุโลก กลับมาจากเลิกงานตามปกติ โดยมีน้องสาวตนซ้อนท้ายมาด้วย จู่ตนได้ยินเสียงปืนดัง 2 นัด ประกอบกับน้องสาวตนวิ่งขึ้นมาตามตนบอกพ่อยิงแม่ พอลงไปก็พบแม่จมกองเลือดแล้ว ส่วนปมเหตุไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าเหมือนพ่อมาทวงเงินแม่ คือเหมือนพ่อทำงานแล้วให้เงินแม่บ้าง แต่ช่วงนี้เหมือนพ่อขัดสนไม่มีเงินใช้เลยมาขอเงินแม่แต่แม่ไม่ได้ให้ รู้เพียงแค่นี้ ปกติแล้วพ่อเป็นคนอารมณ์ร้อนก็ไม่คิดว่าพ่อจะยิงแม่ตาย ทิ้งให้ตนกับน้องต้องกำพร้าทั้งพ่อและแม่
ด้านเจ้าของหอพักได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน ผู้เสียชีวิตทั้งคู่ ได้มาดูหอพักที่นี่ด้วยกัน จนถึงวันย้ายเข้าก็ยังเป็นฝ่ายชายมาช่วยขนของให้ฝ่ายหญิง เพียงแต่ไม่ได้พักด้วยกัน จนมาเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนเหมือนทั้งคู่ทะเลาะกัน และฝ่ายหญิงที่เป็นผู้เช่าได้แจ้งตนว่าไม่อนุญาตให้ฝ่ายชายเข้ามาหอพักอีกแล้ว หากมาจะแจ้งความบุกรุก ซึ่งตนเองก็โทรศัพท์ไปแจ้งฝ่ายชายว่าไม่ให้มาที่นี่อีก หากมาจะมีการแจ้งความบุกรุก จนมาเกิดเหตุวันนี้
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าฝ่ายชายน่าจะปีนเข้าทางบ้านร้างด้านข้างหอพัก อ้อมมาอยู่ด้านหลังรั้วของพักซุ้มดูอยู่ เพราะพบขวดเหล้าและน้ำดื่มอยู่ตรงด้านนอกของรั้วหอพักจนกระทั่งฝ่ายหญิงกลับมาจากทำงานจึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว
เบื้องต้นได้นำร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายส่งนิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช เพื่อชันสูตรหาร่องรอยของบาดแผล ก่อนจะมอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนลูกชายและลูกสาวทั้ง 2 คนของผู้เสียชีวิตวันนี้ได้ให้พักอาศัยอยู่กับป้าก่อน และในวันพรุ่งนี้จะประสานทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้าพบเด็กทั้ง 2 รายเพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจ
//////////