วันที่ 17 มีนาคม 2568 ณ อาคารหอประชุมอนุสรณ์ 100 ปี คุณย่าประสาท รักเลี้ยง มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ตำบลสมอแข อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มวลชนเสื้อแดงจากพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร ตาก อุทัยธานี นครสวรรค์ และสุโขทัย กว่า 1,500 คน เดินทางมารวมตัวกันเพื่อให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความคึกคักและเป็นกันเอง
ภายในงาน นายทักษิณ ได้พบปะกับมวลชน พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ท่ามกลางเสียงปรบมือและกำลังใจจากผู้สนับสนุน นอกจากนี้ ยังมีการจัด โต๊ะจีนกว่า 180 โต๊ะ รองรับผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งก่อน ทักษิณ ชินวัตร มาขึ้นบนเวทีปราศรัย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงมาปราศรัยและพูดคุยกับมวลชนคนเสื้อแดงก่อน
ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวว่า 17 ปีที่รอคอย วันนี้ได้กลับมาหาพี่น้องที่ พิษณุโลก ขอบคุณหัวใจพี่น้องทุกคนที่เด็ดเดี่ยว อยากบอกพี่น้องทุกคนว่าวันนี้เราไม่ต้องไปต่อสู้อะไรแล้วการเมืองวันนี้อยากเห็นทุกฝ่ายมองประเทศไทยเป็นหนึ่ง อยากบอกพี่เสื้อแดงทุกคนว่า ไม่ว่าผมจะถูกใส่ร้ายป้ายสีในอดีตอย่างไรก็แล้วแต่ ผมให้อภัย เพราะถือว่าผมคือผม ผู้ซึ่งรักประชาธิปไตยรักความเป็นธรรมอยากเห็นคนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ผมกลับมาได้เพราะพระเมตตา เพราะฉะนั้นให้รู้เลยว่าชีวิตผมต้องถวายพระเจ้าอยู่หัว เพราะท่านมีพระเมตตาให้ผม ให้ผมได้กลับมาสู่ผืนแผ่นดินไทย ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวอยู่กับพี่น้องที่ไม่เคยลืม ผมจะกลับมาทำงานให้กับบ้านเมือง อยากเห็นบ้านเมืองในยุคพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เป็นยุคศิวิไลซ์เหมือนคำทำนาย เพราะฉะนั้นจะศิวิไลซ์ได้ต้องอาศัยพลังของพี่น้องต้องช่วยกันให้การเมืองแข็งแกร่งบริหารประเทศด้วยปัญญา ด้วยความถูกต้อง บ้านเมืองจะไปได้ดี ลูกหลานเราก็จะสบาย
ปัญหาหนี้สินครัวเรือนเยอะเหลือเกิน ทำอย่างไรจะให้หนี้คนไทยลดลงได้ ตนก็ได้คิดดังๆว่า ย้ำว่าแค่คิดดังๆนะ ยังไม่ได้ทำ เราคิดว่าต่อไปเราจะซื้อหนี้ทั้งหมดของประชาชน ออกจากระบบธนาคารดีไหม แล้วให้ประชาชนค่อยๆผ่อน แล้วไม่ต้องชำระเต็มจำนวน มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ ยกออกจากเครดิตบูโรให้หมดให้เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องทำมาหากินใหม่ สิ่งเหล่านี้ไม่ต้องใช้เงินรัฐบาล เพราะว่าผมสามารถที่จะให้เอกชนลงทุน วันนี้รัฐบาลเป็นหนี้เยอะ เราเข้ามาหนี้ก็บานตะไทแล้ว จะขยับอะไรทีก็เป็นหนี้ไปหมด เราต้องสร้างหนี้ให้น้อยที่สุด แล้วก็สร้างโอกาสให้คนไทยมากที่สุด พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ต้องทำ
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมพูด นายกฯพูด พรรคเพื่อไทยพูด เราทำแน่นอนแต่ทำวันนี้มันไม่เหมือนสมัยอยู่ไทยรักไทย เพราะพรรคเรามีขนาดเล็กลง มีรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงน้อยลง รัฐมนตรีผสม ทำงานด้วยกันไม่คล่องตัว พยายามทั้งนวดทั้งบีบให้ช่วยทำงานหน่อย พ่อมหาจำเริญช่วยทำงานหน่อยเถอะ
ที่ผ่านมาใครจะว่าผมอย่างไรผมปล่อยวางหมดแล้ว โลภ โกรธ หลง ปล่อยวางไปนานแล้ว อยากบอกให้พี่น้องคนเสื้อแดงทั้งหลาย กลับบ้านไปบอกคนที่บ้าน เรื่องปัญหาของประเทศผมรับไว้ แล้วรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่กระบวนการ การแก้ปัญหาต้องใช้เวลา และยากกว่าเดิมเพราะทหารวางระบบไว้เลอะพอสมควร แย่พอสมควร ปฏิบัติที่ก็ถอยไปที ปฏิวัติทีก็ถอยไปที ยอมรับว่ายาก แต่ไม่เหนือว่าความพยายาม เราต้องสู้ เราต้องทำให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงวานว่า โดยเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา กลุ่มเกษตรกรชาวนาจังหวัดพิจิตร นำโดย นายพิพัฒน์ ทองประจักษ์ อายุ 49 ปี ได้เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนขอความช่วยเหลือเรื่อง เงินค่าข้าวที่ยังไม่ได้รับจากโครงการจำนำข้าวปี 48/49 ซึ่งเป็นจำนวนเงินกว่า 58 ล้านบาท ครอบคลุม 464 ครัวเรือน ใน 7 อำเภอ ของจังหวัดพิจิตร โดยระบุว่าเงินดังกล่าวติดอยู่ที่ องค์การคลังสินค้า และยังไม่ได้รับการจ่ายมาเป็นเวลา 19 ปี (ตั้งแต่ปี 2549 – 2568)
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเกษตรกรชาวนาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบสกัดไม่ให้เข้าภายในบริเวณงาน แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังตัวแทนของนายทักษิณ เพื่อรับหนังสือร้องเรียนแทน
โดยบรรยากาศในครั้งบริเวณงานมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการติดตั้งเครื่องสแกนโลหะและตรวจสอบผู้เข้าร่วมงานทุกคน เพื่อให้แน่ใจว่างานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
การเดินทางมาเยือนพิษณุโลกครั้งนี้ของนายทักษิณ นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงกระแสความนิยมของมวลชนเสื้อแดงในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ที่ยังคงเหนียวแน่นและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ขณะเดียวกัน ยังมีภาคประชาชนที่ใช้โอกาสนี้ร้องเรียนปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขจากภาครัฐอีกด้วย
หลังจากปราศรัยบนเวทีแล้ว ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางไปกราบไหว้ขอพรพระพุทธชินราช ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ และศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพในช่วงเย็นต่อไป
////////////////////////