พิษณุโลก เทศบาลนครพิษณุโลกนำร่องทำปุ๋ยอินทรีย์จากขยะเปียกที่เก็บจากตลาดและร้านอาหาร ผสมกับใบไม้แห้งที่เห็บจากสวนสาธารณะทุกวัน เริ่มดำเนินการมา 1 ปี จัดการขยะเปียกได้ 1,100 ตัน ยังเบ็ดเสร็จ ไม่มีกลิ่นไม่มีแมลงรบกวน
หลังจากจังหวัดพิษณุโลก ได้ปิดบ่อขยะ จนเป็นเหตุให้หลายสิบองค์กรปกครองท้องถิ่นต้องหากระบวนการจัดการขยะ เทศบาลนครพิษณุโลกเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ ประสบปัญหาเช่นเดียว จึงมีการนำองค์ความรู้ จัดการขยะอินทรีย์ในพื้นที่เทศบาลนำร่อง 4 ชุมชนโดยใช้กระบวนการทำกองปุ๋ยหมัก ขยะอินทรีย์อาหารสดพืชผักเศษอาหารเทกองถมด้วยใบไม้แห้ง สามารถรองรับขยะอินทรีย์ได้วันละ 1-2 ตัน ตลอดระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมาที่ผ่านมาสามารถจัดการขยะเปียกไปกว่า 1,107 ตัน อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่มีกลิ่น ไม่มีแมลงรบกวนแถมได้ปุ๋ยหมักพร้อมใช้ เตรียมขยายผลเพิ่มพื้นที่
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 68 ที่เทศบาลนครพิษณุโลก นางเปรมฤดี ชามพูนท นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก กล่าวถึง โครงการจัดการขยะของเทศบาลนครพิษณุโลกว่า ปัญหาการจัดการขยะจังหวัดพิษณุโลกค่อนข้างมีปัญหามาก เพราะว่าสถานีฝั่งกลบขยะไม่มี คณะกรรมการปฏิกูลจังหวัดพิษณุโลกนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ออกนโยบายของจังหวัดว่า ให้มีการคัดแยกขยะแบบ 100% หมายความว่า ขยะ ขายได้ให้มีการคัดแยกนำไปขาย ขยะเปียกที่ขายไม่ได้ ให้คัดแยกแล้วนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์ ทางเทศบาลนครพิษณุโลก มีโครงการคัดแยกขยะมานานแล้ว ขยะที่มีมูลค่า มีการคัดแยกเกือบหมดแล้วเหลือแต่ขยะเปียก ซึ่งขยะเปียกในปัจจุบันมีมากถึง 60% ของปริมาณขยะที่เหลือจากการคัดแยกขยะมาแล้ว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ให้นโยบายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คัดแยกขยะเปียกที่ย่อยสลายได้เศษอาหาร ใบไม้ ให้นำออกจากขยะอื่น เพื่อลดปริมาณขยะที่จะนำไปฝังกลบน้อยที่สุด
ขณะนี้เทศบาลฯได้ดำเนิน โครงการนำร่อง ที่โซน 4 โดยขอให้ ร้านอาหารขนาดใหญ่ โรงแรม ช่วยคัดแยกขยะเปียก หรือขยะข้าวหมูวันละกว่า 500 กก. แต่ในส่วนของเทศบาล ก็จะนำเศษผัก เศษพวงหรีด ตามตลาดนำมาทำด้วย ที่ผ่านมาสามารถจัดการขยะเปียกได้ 61,200 กก. ตอนนี้โครงการทำปุ๋ยเอง โดยนำมาหมักกองใช้กระบวนการทางวิชาการแบบง่ายๆ โดยการเทกองขนาด 3คูณ 3 เมตร ใช้ขยะเปียกต่างๆเช่นเศษผักเศษอาหารเทสลับกับใบไม้แห้ง กองเดียวสามารถจัดการขยะเศษอาหารได้ตลอดสัปดาห์ ตอนนี้ก็ทำมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว มีปุ๋ยอินทรีย์พร้อมใช้งานกว่า 10 ตัน ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นปุ๋ยอินทรีย์เรียบร้อยแล้ว
ส่วนขยะใบไม้แห้ง ซึ่งอยู่ในมาตรการห้างเผาถือเป็นวัสดุสำคัญในการทำปุ๋ยเทศบาลฯก็เก็บไว้อยู่แล้ว เดิมใบไม้แห้งเราก็เก็บแล้วนำไปฝังกลบร่วมกับขยะทั่วไป แต่พอเรามีโครงการทำปุ๋ยอินทรีย์ เราก็นำใบไม้แห้ง กิ่งไม้ ที่ย่อยสลายได้นำมาทำปุ๋ยทั้งหมด ซึ่งใบไม้แห้งเหล่านี้ทางเทศบาล ก็รับจัดเก็บโดยให้ประชาชนบรรจุใส่ถุงแล้ววางไว้หน้าบ้าน ขณะนี้ทางเทศบาลมีแผนจัดซื้อเครื่องหมักขยะให้เป็นปุ๋ยโดยนำขยะเปียกทั้งหมดใส่ในเครื่อง แล้วมีกระบวนการผสมทั้งแบบแห้งและแบบน้ำ ซึ่งอยู่ในโครงการกำลังจัดงบประมาณในการจัดซื้อ โดยเครื่องหมักขยะทดลองที่จะซื้อ สามารถจัดทำขยะเปียกได้วันละ 250 กิโลกรัม โดยขยะเปียกของเทศบาลนครพิษณุโลกมีประมาณวันละ 1 ตัน หรือ 1,000 กิโลกรัม ถ้าเราสามารถนำขยะเปียกออกได้ครึ่งหนึ่ง ก็จะเหลือขยะไปทิ้งเพียง 500 กิโลกรัม
ทางเทศบาลนครพิษณุโลก ปกติเรามีสถานีฝังกลบที่ ต.บึงกอก อ.บางระกำ ตอนนี้บ่อบึงกอก ยังไม่ให้เข้า โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้ให้ดำเนินการทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงวิธีการในการจัดการขยะเรามีวิธีการอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษ บริเวณจุดทิ้ง จึงจ้าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ามาศึกษาวิจัยเรื่องขยะ ว่าวิธีการจะนำไปทำอย่างไร โดยจะมีกระบวนการในการจัดการขยะเสียก่อน ขยะที่จะฝัง ก็จะเป็นขยะแห้งจริงๆซึ่งไม่เกิดมลพิษใดใด
ปัญหาขยะเป็นเรื่องของทุกคน เทศบาลนครพิษณุโลกมีหน้าที่กำกับดูแล แต่เจ้าของขยะจริงๆคือประชาชน ที่เป็นผู้ก่อให้เกิดขยะ ก่อให้เกิดน้อยก็เป็นประโยชน์ เอาขยะที่ขายได้ไปใช้ก็เกิดประโยชน์ ขณะนี้เรามีการคัดแยกขยะเปียก ก็อยากให้ประชาชนเข้าใจถึงวิธีการความร่วมมือว่า ทำแล้วจะเกิดประโยชน์อย่างไร ขยะใครก็รังเกียจ แต่หากว่า สามารถบริหารจัดการขยะได้ นำขยะขายได้ไปขาย นำขยะเปียกไปทำปุ๋ย ก็จะลดปริมาณขยะได้ค่อนข้างมาก แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในการคัดแยกขยะอย่างจริงจัง นางเปรมฤดีกล่าวในที่สุด
/////////////