พิษณุโลกคุณภาพอากาศดีขึ้น pm 2.5 ลดลง หลังบินเจาะอากาศแล้ว 24 เที่ยว

พิษณุโลก เครื่องบินเกษตรบินเจาะช่องอากาศในการระบายฝุ่น จำนวน24 เที่ยวบิน ในช่วงกว่า 10 วัน ส่งผลดีค่าอากาศ  จากที่เป็นสีส้ม สีแดง มีผลต่อสุขภาพประชาชน วันนี้ค่าฝุ่นพิษ pm 2.5 ลดลง กลายมาเป็นสีเขียว ระดับ  23.9 มคก./ลบ.ม. 

 

วันนี้  28 ม.ค. 2568 พันเอกนพดล วัชรจิตบวร รอง ผอ.รมน.จ.พิษณุโลก ฝ่ายทหาร/หัวหน้าคณะทำงานด้านการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ไฟป่าหมอกควันฯ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองไฟป่าและหมอกควัน ของจังหวัดพิษณุโลกเรา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกได้ตั้งคณะกรรมการฯ ประกอบด้วยทุกภาคส่วนที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาของจังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกสภาพอากาศเกิดสีส้มและสีแดง ทำให้สุขภาพของประชาชนได้รับผลกระทบเป็นเวลานาน ปัจจุบันผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกได้ร้องขอ กองการบินเกษตรเพื่อเจาะช่องอากาศในการระบายฝุ่น เพราะ ด้วยสภาพปัญหาพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นแอ่งกระทะล้อมรอบด้วยภูเขาต่างๆ ฝุ่นละออง ที่เข้ามาก็จะเกาะกลุ่มเข้ามาในจังหวัดพิษณุโลก ประกอบกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นในปัจจุบันทำให้ความกดอากาศกดลงมายังภาคพื้นพิษณุโลกต่ำลง  ทำให้ค่าของฝุ่นละอองเข้มข้นขึ้นทำให้ชั้นบรรยากาศที่เกาะฝุ่น เรียกว่าชั้นอิมโมชั่น  เป็นบรรยากาศความร้อนที่เกิดขึ้น  การระบายอากาศ จะได้รับการระบาย คือการระบายระดับทางราบ ต้องอาศัยลมจากพื้นที่ภายนอก เช่นพื้นที่มาจากประเทศจีน เพื่อระบายฝุ่นควัน ทางราบออกไป  ส่วนอีกทางหนึ่งคือ เราขอเครื่องบินเกษตร มาเพื่อเจาะช่องอากาศ เพื่อระบายฝุ่นทางดิ่ง ให้พ้นจากชั้นบรรยากาศที่ปกคลุมจังหวัดพิษณุโลกของเรา ในการปฏิบัติการที่ผ่านมาเครื่องบินจากเกษตร ได้บินให้เราแล้ว 24 เที่ยวบิน  ในเวลา 10 กว่าวัน  ที่เราขอมาประจำการที่จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 2 ลำ

ล่าสุด ค่าอากาศที่ผ่านมา จากที่เป็นสีส้ม สีแดง กลายมา เป็นสีเขียว แล้วในช่วงเช้า คิดว่าการทำงานของเราได้ผลเป็นอย่างมาก ดูจากจุดความร้อนที่ปรากฏในจังหวัดน้อยมากจนแทบไม่ปรากฏเลยเมื่อ ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกทราบว่าคณะทำงานพวกเราที่มีท่านคณะผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งขึ้น เราทำงานกันอย่างเต็มที่ ทั้งภาคพื้นทางบกและทางอากาศและการประชาสัมพันธ์ ต่อมวลชน ในการลดยานพาหนะ ทำให้เกิดมวลพิษเข้าไปและลดการเผา เรื่องของโรงงานอุตสาหกรรม การก่อสร้าง ถ้าประชาชนได้ช่วยลด ประกอบกับกิจกรรมที่ผู้ว่าได้ทำอย่างเข้มข้น เผาจับ เผามีโทษทัณฑ์ มีการปรับ  ทุกภาคส่วนราชการในการระดมทั้งหมด ทำให้ค่าอากาศทั้งในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก คงอยู่เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนได้ดียิ่งขึ้นเทียบกับจังหวัดอื่น

 

“รู้สึกดีใจ เพราะรอมานาน ที่ระดับค่า pm 2.5 ในพื้นที่พิษณุโลก เวลานี้ ลดลงจนคุณภาพอากาศดี เป็นสีเขียว โดยล่าสุดค่า pm 2.5 วัดค่าเมื่อเวลา  05.0 0  น.วันที่  28 มกราคม 68  ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ระดับ  23.9 มคก./ลบ.ม.  ทั้งนี้เป็นผลจากการปฎิบัติตามสั่งของ ผวจ.พล.และการระดมในทุกๆ สิ่งอย่างจริงจัง ของทุกภาคส่วนใจจังหวัดพิษณุโลก ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ และการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ผลระดับอากาศค่า pm.2.5 ที่มีค่าสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานนับเดือน ปัจจุบันได้ลดลง จนเป็นสีเขียว”

นอกจากนี้ โดยเมื่อ 27 ม.ค. 68 เวลา 1400 ได้พบว่า มีราษฎรจุดไฟเผาพื้นที่การเกษตร บริเวณหมู่ที่ 5 ตำบลชมพู  อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ชุดปฏิบัติการพิเศษอำเภอเนินมะปราง จึงเข้าตรวจ พบว่ามีร่องรอยการเผาและเศษขี้เถ้า ตรวจสอบเบื้องต้นวัดขนาดพื้นที่ได้ประมาณ 28 ไร่  นายเชิงชาย ไพรพฤกษ์ นายอำเภอเนินมะปราง ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่เผาพื้นที่การเกษตรดังกล่าวมาให้ถ้อยคำ  ซึ่งผู้เผาให้การยอมรับว่าได้จุดไฟจริง เพื่อทำแนวกันไฟป่าและป้องกันการลุกลามของไฟป่า ที่จะลุกลามมาจากเขาพนมทองไปยังแปลงอ้อยและทรัพย์สิน  จึงได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เนินมะปราง ดำเนินการเปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน)  ตามฐานความผิดตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 28 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 74 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทันที

นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก  กล่าวว่า จากการที่กระทรวงมหาดไทย ได้สั่งยกระดับมาตรการแก้ฝุ่น PM2.5 ปภ. กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5  เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และชี้แจงแนวทางการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปี 2568   ทางจังหวัดพิษณุโลกได้บูรณาการแผนงาน แก้ปัญหา ควบคุมการเผาและลดฝุ่นละอองอย่างเข้มงวด พร้อมวางมาตรการรับมือภัยแล้งดังกล่าวอย่างเร่งด่วน  โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด บังคับใช้มาตรการทางกฎหมาย ในการห้ามเผาอย่างจริงจัง เคร่งครัด และเด็ดขาด และสั่งการหน่วยงานดำเนินการทุกมาตรการอย่างเข้มขึ้นมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ ยกระดับมาตรการป้องกันปราบปรามเพื่อควบคุมการเผาในพื้นที่อย่างจริงจัง ใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่ลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลและจัดทำบัญชีผู้มีพฤติกรรมการเผา ร่วมกันสอดส่อง ป้องปราม ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และหากพบการเผาในพื้นที่ให้ดำเนินการยับยั้งการเผาในทันที  กรณีพบการเผาในพื้นที่ป่าให้พิจารณาปิดป่าสงวนแห่งชาติ พร้อมยกระดับมาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน  โดยออกหน่วยบริการให้คำแนะนำข้อปฏิบัติในการป้องกันตนเอง จัดหาอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก จัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) ห้องปลอดฝุ่น คลินิกมลพิษ ไว้บริการประชาชน  และหากสถานการณ์รุนแรง ให้ใช้มาตรการ Work From Home  ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ ยุทโธปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย และทรัพยากรอื่น ๆ แก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้ทันท่วงที

/////

แสดงความคิดเห็น