พิษณุโลก กระบะตีนผีซิ่งเสยท้ายรถจยย.หนุ่มสถานบันเทิงดังเจ็บสาหัส สุดช้ำใจตำรวจไล่ไปหาหลักฐานเอง
วันที่ 14 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ จากนายฑิฆัมพร พ่วงศร อายุ 44 ปี และ น.ส.อาภากร แพทย์ไชโย อายุ 36 ปี แฟนสาว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา นายฑิฆัมพร แฟนหนุ่ม ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม สีน้ำเงิน ทะเบียน 1กข 7754 พิษณุโลก ถูกรถกระบะพุ่งชนท้ายอย่างแรง บริเวณใกล้เคียงปั้มน้ำมันบางจาก ถนนมิตรภาพ (ฝั่งขาออกเมือง) หมู่ 7 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งผู้บาดเจ็บกระเด็นออกจากรถจักรยานยนต์บาดเจ็บสาหัสสลบไป แต่รถกระบะได้ลากรถจักรยานยนต์ไปไกลหลายสิบเมตร และติดอยู่ด้านหน้ารถกระบะคันดังกล่าว จนคนขับต้องจอดลงมาแกะรถจักรยานยนต์ที่พังเสียหายเป็นซากกองไว้ข้างทาง ก่อนจะรีบขึ้นรถขับหลบหนีหายไปกับความมืด ไม่สนใจดูดำดูดีคนเจ็บหรือแม้แต่โทรแจ้งเพื่อขอความช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลแต่อย่างใด ล่าสุดถึงขณะนี้ตำรวจก็ยังไม่สามารถติดตามตัวผู้กระทำความผิด เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาหรือให้มาเยียวยาผู้เสียหายได้เลย
ด้าน นายฑิฆัมพร พ่วงศร ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตนเองทำงานเป็นพนักงานรับรถที่สถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก หลังเลิกงานเวลาประมาณตี 2 ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพักตามปกติ ซึ่งวันเกิดเหตุมีฝนตกลงมาจึงทำให้ต้องขี่รถอย่างช้าๆ แต่เมื่อขี่มาถึงจุดเกิดเหตุมีรถกระบะไม่ทราบชนิดพุ่งชนด้านท้ายเข้าอย่างจัง จนร่างตนเองกระเด็นไปคนละทิศละทางสลบไปและฟื้นรู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล โดยมีเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพและพลเมืองดีให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลพุทธชินราช อาการตอนนั้นบาดเจ็บสาหัส คิ้วแตกเย็บ 8 เข็ม ดั้งจมูกหัก หลังหัก และมีเลือดออกในสมอง ต้องนอนพักรักษาตัวหลายวันก่อนหมอจะอนุญาตให้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน แต่มีค่ารักษาพยาบาลจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ได้จ่ายกับทางโรงพยาบาลเลย ทางโรงพยาบาลก็เห็นใจให้การช่วยเหลือยืดระยะเวลาเรื่องค่าใช้จ่ายให้เบื้องต้นก่อน และตนต้องหยุดงานประจำไม่มีรายได้ทางอื่น แฟนสาวก็ต้องหยุดงานมาดูแลและติดตามเรื่องคดีเอง
ด้าน น.ส.อาภากร แพทย์ไชโย เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุพลเมืองดีที่เข้าช่วยเหลือแฟนตนเองจำได้ว่าทะเบียนรถกระบะคันเกิดเหตุ ป้ายทะเบียน 484 ลำปาง แต่จำหมวดอักษรไม่ได้ เนื่องจากกำลังช่วยคนเจ็บจึงไม่ได้เดินไปดูรถกระบะคันดังกล่าว ก่อนที่คนขับจะแกะรถจักรยานยนต์ที่ติดอยู่หน้ารถออกแล้วรีบขับหลบหนีไป หลังเกิดเหตุตำรวจได้เรียกไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แต่ขณะนี้ในทางคดีก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จนตนได้ไปสอบถามคดีที่โรงพักอีกหลายครั้ง จนถูกตำรวจนายหนึ่งบอกว่าให้ไปหาหลักฐานเอาเอง ทำให้ขณะนั้นรู้สึกไม่ดีที่ได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากปากของตำรวจ สุดท้ายตนจึงไปหาหลักฐานเองขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนสอบถามร้านค้าและชาวบ้านละแวกใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ จนมีผู้ที่อยากช่วยเหลือมอบคลิปกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุเอาไว้ได้ ซึ่งตนจะได้มอบให้กับตำรวจเจ้าของคดีเพื่อใช้เป็นหลักฐานสำคัญประกอบคดีต่อไป ส่วนคู่กรณีถ้าหากมีจิตสำนึกหรือรู้สึกสำนึกผิด สามารถติดต่อเข้ามาเพื่อพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องค่ารักษาพยาบาล ซึ่งตนก็ไม่ได้จะเรียกร้องจนมากมายเกินไป เพียงแค่ต้องการนำไปจ่ายเป็นค่ารักษาให้กับทางโรงพยาบาลเพียงเท่านั้น เพราะตนเองกับแฟนหนุ่มก็มีอาชีพหาเช้ากินค่ำไม่ได้มีรายได้เยอะ จึงหวังพึ่งสื่อมวลชนช่วยเป็นกระบอกเสียงทวงความยุติธรรมให้อีกด้วย.
//////////////