พิษณุโลก ซ้อลักษณ์ พร้อมคณะทนาย เดินทางมามหาวิทยาลัยพิษณุโลก ยื่นหนังสือตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้เกี่ยวข้องกับการขายวุฒิการศึกษา หลังจากทางมหาวิทยาลัยชี้แจง ว่าเป็นความผิดเฉพาะบุคคล จึงกล่าวขอโทษ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยพิษณุโลกกลางที่ประชุม พร้อมแจ้งไม่ประสงค์เป็นนักศึกษาต่ออ้างว่าอยู่ จ.สกลนคร เดินทางมาเรียนลำบาก ขอลาออก พร้อมรับเงินค่าลงทะเบียนคือ 130,000 บาท
วันที่ 10 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสภา มหาวิทยาลัยพิษณุโลก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นายชาญชัย ฉายบุ ทนายความและเป็น ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยซ้อลักษณ์ นางวิไลลักษณ์ ไชยชาญ ผู้เสียหาย และ น.ส.ปุ๊กกี้ ได้เดินทางนำหนังสือมายื่นต่อคณะผู้บริหารของทางมหาวิทยาลัยพิษณุโลก นำโดย ดร.มานพ เกตุเมฆ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยพิษณุโลก นายชาตรี จำลองกุล นิติกรมหาวิทยาลัยพิษณุโลก พร้อมด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัยพิษณุโลก รวมถึงร่วมกันประชุมหารือข้อเท็จจริง และตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงกรณีซื้อขายวุฒิการศึกษา และทวงถามเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร่วมขบวนการซื้อขายวุฒิว่ามีมากกว่า 1 คน หรือไม่ ทั้งนี้ทางด้านของซ้อลักษณ์ ได้ยกมือกราบขอโทษทางมหาวิทยาลัยพิษณุโลก ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ทางด้านของทนายทางฝั่งผู้เสียหายได้พูดชี้แจงว่าเพื่อเป็นการเคลียร์ข้อเคลือบแคลงสงสัยทางสังคม เพราะถ้าหากมีขบวนการผู้ร่วมกระทำความผิดซื้อขายวุฒิการศึกษา ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงเป็นอย่างมาก
ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน หรือทนายเจมส์ รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า ได้พานักศึกษา เดินทางมหาวิทยาลัยพิษณุโลก เป็นครั้งแรก หลังจากได้สมัครเป็นนักศึกษา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายวุฒิการศึกษา ว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องที่เป็นเพียงอาจารย์ 1 ท่าน มีท่านอื่นหรือไม่อย่างไร ซึ่งคุณลักษณ์ เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้มีการขยายผลเพิ่มเติมผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการขายวุฒิการศึกษาหรือไม่ อย่างไรให้ มหาวิทยาลัยชี้แจงถึงการตรวจสอบว่ามี อาจารย์และพวก จำนวนมากน้อยเพียงใด ซึ่งทั้งหมดจะเป็นผลดีกับทางมหาวิทยาลัยพิษณุโลกเอง หลังจากเกิดเรื่อง ปรากฏว่าทางมหาวิทยาลัย ได้ส่งบัตรนักศึกษา เข้ามาในระบบออนไลน์ เชื่อว่าวันนี้ประชาชน ผู้ปกครอง สงสัยว่ามีผู้ร่วมขบวนการ เพียง 1 ท่านจริงหรืออาจมีการขยายผลผู้ร่วมกระบวนการ ทางมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในมหาวิทยาลัยว่ามีผู้กระทำความผิดมากน้อยเพียงใด
นางวิไลลักษณ์ ไชยชาญ หรือ ซ้อลักษณ์ นักศึกษาผู้เสียหายกล่าวว่า ตนหลงเชื่อให้มาเป็นนักศึกษา เพื่อจะได้วุฒิการศึกษาปริญญาตรี ด้วยได้รับการชักชวนว่าจะได้ค่าตำแหน่ง 4-5 แสนบาทต่อเดือน จากคนในมูลนิธิ ฯ เบื้องต้นได้จ่ายเงินผ่อนจ่าย 3 งวด งวดละ 50,000 บาท 2 ครั้ง และครั้งสุดท้าย 30,000 บาท แล้วจะได้วุฒิเลย ในเดือน กุมภาพันธ์ 2567 ได้เคยแย้งว่าผิดกฎหมาย ผู้ชักชวนอ้างว่าสามารถเคลียร์กับมหาวิทยาลัยได้ ว่าไม่มีปัญหา ตนเป็นเหยื่อเรื่องนี้
ขณะที่ ดร.มานพ เกตุเมฆ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยพิษณุโลก กล่าวชี้แจ้งว่า ได้มีการสมัครเรียนตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง มีการส่งเอกสารหลักฐานเข้ามาที่มหาวิทยาลัยอย่างครบถ้วน พร้อมกับเงินค่าสมัครเรียนแรกเข้า 1500 บาทและค่าเทอม 130,000 บาท ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ได้รับนักศึกษาตามขั้นตอน 2 คำ คือ มา อยู่ ไป โดยนักศึกษาเมื่อมาสมัครเรียน ทางคณะกรรมการจะมีการประกาศรายชื่อเสร็จ นำชื่อเข้าสู่ระบบนายทะเบียน เมื่อมาอยู่กับเรา จากนั้นส่งชื่อไปที่คณบดีแต่ละคณะ เมื่อรับหมดจะแยกไปตาม หมวดการเรียนการสอน ทางคณะนั้นๆ นศ.ไปเรียนเป็นเวลา 3 ปี 3 ปีครึ่งหรือ 4 ปี หลังจากเรียนจบการศึกษาแล้ว ทางคณะกรรมการก็จะมาพิจารณาหลักสูตรว่าถูกต้อง ไหม ตรวจสอบว่ามีชื่อตั้งแต่แรกเข้าจริง จบจริง แล้วจะส่งชื่อไปผู้บริหารวิชาการว่า รายชื่อเข้ามาตอนแรกรับ กับรายชื่อเมื่อจบตรงกันไหม เข้า-ออก จะมีการตรวจรายชื่อว่าเข้ามาจริง ไม่มีการเรียนก็ไม่จบการศึกษา สุดท้ายนักศึกษาที่จบจะเสนอคณะสภามหาวิทยาลัยเพื่อให้จบการศึกษาอีกครั้ง โดยนักศึกษาที่จบแล้วจะต้องมีอาชีพ มีงานทำ มีความซื่อสัตย์ พอเพียง ไม่สร้างความขัดแย้ง สร้างศัตรูและเป็นคนดีของสังคม
หลังจากได้มีการเจรจาและสอบถาม ในเรื่อง การซื้อขายวุฒิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซ้อลักษณ์ และทีมทนาย ต่างเข้าใจและเชื่อว่าทางมหาวิทยาลัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการซื้อขายวุฒิการศึกษา เป็นเพียงแค่ตัวบุคคลเท่านั้นและได้กล่าวขอโทษมหาวิทยาลัย ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมกันนี้ แจ้งความจำนงจะไม่ขอเรียนต่อ และขอทำเรื่องคืนเงินจำนวน 130,000 บาท ที่ทำการลงทะเบียนไว้ ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ก็ได้ให้ซ้อลักษณ์ กรอกใบยื่นความจำนง ลาออกจากการเป็นนักศึกษา และโอนเงินคืนให้ซ้อลักษณ์ ไปทั้งหมด ซึ่งภายหลังจากได้รับเงิน ซ้อลักษณ์ บอกว่าจะนำเงินไปเป็นค่าเทอมลูกต่อไป