พิษณุโลก ผู้กำกับ สภ.วัดโบสถ์ เผยหลังโดนมิจฉาชีพ ปลอมเฟสบุ๊ค ล่อลวง เงินจากเหยื่อหญิงสาว 7-8 ราย เสียหายกว่า 7 แสนบาท โดยรายที่เสียหายมากสุดหลอกให้ลงทุนกว่า 3 แสนบาท ขณะนี้ผู้เสียหายได้แจ้งความติดตามดำเนินคดีกับมิจฉาชีพแล้ว ด้วย ผกก.สภ.วัดโบสถ์ ยืนยันตนมีเฟสบุ๊ค Wisut Klaysaeng แค่ 1 เดียวเท่านั้น ประกาศเตือนภัย ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน
วันที่ 19 มกราคม 67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้ากรณีเฟสบุ๊ค Wisut Klaysaeng ถูกมิจฉาชีพปลอม Facebook-LINE # ผู้กำกับวิสุทธิ์ คาดเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยนำรูปภาพของ พ.ต.อ.วิสุทธิ์ คล้ายแสง ผกก.สภ.วัดโบสถ์ จว.พิษณุโลกไปเปิดเฟสบุ้คใหม่ใช้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า “วิสุทธิ์ คล้ายแสง” ซึ่งเป็นเฟสปลอม ซึ่ง Facebook จริงของ ผู้กำกับ วัดโบสถ์ ใช้เป็นภาษาอังกฤษ #WisutKlaysaeng นอกจากนี้ยังนำรูปภาพไปปลอมไลน์ว่า #ชื่อวิน โดยใช้ โทรศัพท์มือถือหมายเลข 0946034027 ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่เปิดใช้ในประเทศเพื่อนบ้าน
พ.ต.อ.วิสุทธิ์ คล้ายแสง ผกก.สภ.วัดโบสถ์ จว.พิษณุโลก กล่าวว่า ตนเองเริ่มมีเฟสบุ๊ค เมื่อปี 2554 ช่วงอยู่ สภ.วังทอง ก่อนย้ายเป็น ผกก.ที่จังหวัดตาก จ.พิจิตร และที่สภ.วัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ในปัจจุบัน ทำให้มีเพื่อนพี่น้อง ในเฟสบุ๊คค่อนข้างมาก ตัวเองไม่ได้เปิดเป็นสาธารณะ เปิดรับเฉพาะเพื่อนเท่านั้น มีเพื่อนเยอะประมาณ 4,900 คน แต่ก็มีการเปิดรับเพื่อนของเพื่อน ที่ผมรับราชการอยู่ มีเพื่อเป็นครู เป็นผู้ใหญ่บ้าน ที่ต้องมีลิงค์ในการประสานงานด้านการข่าวเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดี ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไร ผมมีเฟสบุ๊คเดียวเป็นชื่อภาษาอังกฤษ Wisut Klaysaeng
สำหรับเคสนี้ ผมรู้ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2566 มีคนแจ้งมาว่า เบอร์โทรนี้เป็นของผู้กำกับหรือไม่ แล้วมีกี่หมายเลข ซึ่งตนก็บอกว่าตนมีโทรศัพท์อยู่เพียงหมายเลขเดียว คือ 081-707 1313 แล้วผู้กำกับใช้เฟสฯอื่นอีกไหม ว่าไม่ใช่แล้วก็ถามว่ามีหน้าร้านใน lazada หรือไม่ ซึ่งนอกจากนำรูปผมไปหลอกลวงและเปิดเฟซใหม่เป็นชื่อทางภาษาไทยแล้วก็นำชื่อผมไปเปิดใน line ตามเบอร์ที่แจ้งไปโดยแจ้งว่าเป็นผู้จัดการพูดคุยกับผู้เสียหายแต่ละรายการพูดคุยลักษณะเป็นการจีบเชิงชู้สาว มีการทำอะไร กินข้าวหรือยัง ส่วนรูปต่างๆในเฟสเป็นกิจกรรมที่ตนโพสต์บ้าง เพื่อนโพสต์บ้าน ผมก็มองว่าคนที่ปลอมเฟสนี้ก็น่าจะเป็นเพื่อนในเฟสของตนด้วย ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจอาจจะเป็นกลุ่มในเพื่อนข้าราชการหรือเป็นกลุ่มเพื่อนของเพื่อนอีกทีแล้วนำไปลงเฟส
ส่วนผู้เสียหายมากที่สุดน่าจะอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี สูญเสียเงินประมาณ 3 แสนบาท และที่มีนบุรี ประมาณ 200,000 บาทผู้เสียหายเป็นผู้หญิงได้มีการพูดคุยกับผมโดยอายุน้อยประมาณ 36 ปี และมีมากที่สุดถึง 63 ปีเป็นลักษณะการจีบบอกว่าเป็นโสดเดิมว่าเป็นผู้กำกับที่จังหวัดต่างๆ ซึ่งถ้าคนไม่รู้จักเราก็จะหลงเชื่อ แต่ถ้าคุณรู้จักก็จะรู้สึกแปลกใจ ว่าไม่ใช่ผมแน่ อีกทั้ง เพื่อนในเฟสบุ๊คปลอม จะมีประมาณ 20 คน ไม่เกิน 100 คน ซึ่งในเฟสฯส่วนตัวหรือสถานีตำรวจ จะลงเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เชิงนโยบายของตำรวจแห่งชาติ ทำให้มีรูปในเฟสอยู่เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งทำให้ได้รับการตอบรับในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีมิจฉาชีพนำไปทำปลอมลักษณะแบบนี้ เสียหายเป็นเงินรวม 7 แสนบาท โดยมีผู้เสียหายประมาณ 7 ราย
พ.ต.อ.วิสุทธิ์ กล่าวว่า ลักษณะของการทำภาพปลอม ผมเชื่อว่าจะเป็นบุคคลอื่นแล้วนำใบหน้าผม ใช้โปรแกรม AI นำหน้าผมไปใส่ซ้อนทับ ทำให้ภาพเคลื่อนไหวเล็กน้อยเวลามีการเปิดหน้าพูดคุยกัน วิเคราะห์ว่าการที่ผู้เสียหายสูญเสียทรัพย์อาจจะชื่นชอบการพูดของมิจฉาชีพรายนั้น 2 ผู้เสียหายมีเงิน แล้วอยากลงทุนและวิธีการของเขานำเอาไปเปิดหน้าร้านใน lazada แล้วบอกว่าจะลงทุนแบบนั้นได้ผลคาดว่าเป็นวิธีการตกทรัพย์แม้นว่าจะได้ไม่มาก แต่ให้มีการเพิ่มเงินลงทุนเรื่อยๆทำให้เงินเยอะ วิธีการตรวจสอบเงินก็ค่อนข้างยากเพราะเป็นการเปิดที่ lazada ที่ ประเทศสิงคโปร์การทำค่อนข้างยากมากแล้วโทรศัพท์ที่ตรวจสอบก็พบว่ามีการจดทะเบียนที่ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้จดในประเทศไทย
ช่วงนี้ก็พยายามเช็คขอข้อมูลจากผู้เสียหายที่มีการโอนเงินออกไปโดยมีการแจ้งความ ที่ จ.มุกดาหาร จ.นครพนม จ.สกลนคร จ.ปทุมธานี กรุงเทพฯ และ จ.ชลบุรี ซึ่งข้อมูลที่ผมได้รับคนแรกมาจากอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ผู้เสียหายที่มีการแจ้งความเวลานี้มีอยู่ประมาณ 7-8 ราย ซึ่งก็มี ผอ.โรงเรียน มีผู้บริหารท้องถิ่นในจังหวัดพิษณุโลกเราถูกหลอกลวงเช่นเดียวกัน แต่โชคดีที่เขารู้จักผม ทำให้เกิดความเฉลียวใจและโทรหาผมหรือถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่ผมทำงาน ทำให้ทราบก่อนจะหลงเชื่อ
สำหรับผมก็ได้มีการแจ้งความแล้ว เพื่อดำเนินคดีพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ เพราะการนำภาพของเราไปลงเฟสปลอม ทำให้เกิดความเสียหาย แต่ผู้เสียหาย แต่ละคนก็จะเป็นเรื่องของการฉ้อโกง ในแต่ละราย ซึ่งเขาสามารถร้องทุกข์ได้ที่ภูมิลำเนาของตนเองได้เลย ซึ่งผมก็จะขอข้อมูลแต่ละคดีมารวบรวมที่ผมด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนของแต่ละพื้นที่ก็จะต้องมาสอบสวนผมด้วย ว่าเฟสบุ๊ค ตัวนี้ ใช่ของผมไหม ผมชื่อเล่นว่าวินไหม สอบพฤติกรรมของผม ซึ่งวันนี้ผมยังไม่กล้าเปลี่ยนรูปหรือโปรไฟล์ใดๆเลย รอพิสูจน์ความจริง
นอกจากนี้ อยากจะฝากแจ้งเตือนกับประชาชนโดยทำตามนโยบายของตำรวจภูธรแห่งชาติแล้วก็ผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรภาค 6 โดยทำเป็นในรูปแบบของผมว่ารู้ทันกลโกงไม่เชื่อไม่รีบไม่โอนหรือให้แจ้งปรึกษาได้ที่ 1441 เป็นตำรวจไซเบอร์สามารถโทรได้ทั่วประเทศหรือกรณีโทรไม่ติดสามารถโทร 191 เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลคนนี้หรือไม่ฝากให้ผู้เสียหายตรวจสอบให้ชัดเจนซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเฟซปลอมที่มิจฉาชีพทำนั้นยังไม่หยุดการเคลื่อนไหวเลย ซึ่งแม้ว่าจะมีการปิดเฟส ไป แต่ก็พบว่ามิจฉาชีพดังกล่าวยังคงมีการเปิดเฟสขึ้นมาใหม่ โดยยังคงใช้รูปของผมอยู่ ฝากไว้ว่า “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” อย่าเพิ่งเชื่อแล้วก็อย่ารีบลงทุนกับเขา และไม่โอนเงิน ไม่กด link หากต้องการดูรายละเอียดกดลิงค์อันตราย ซึ่งก็พบว่าข้อมูลหายหมดเลย เพราะฉะนั้นระวังเฟสปลอมให้มากขึ้น
//////