วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดพิษณุโลก( กกต.) นายจเด็ศ จันทรา ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 3 พิษณุโลก พร้อมทนายความ ได้นำเอกสารมาร้องเรียน กับ ทางกกต. เพื่อขอให้มีการตรวจสอบการออกเสียงลงคะแนน และตรวจสอบการนับคะแนนใหม่ หลังจากพบความผิดปกติ ของหน่วยเลือกตั้ง ทั้งหมดเกือบ 40 หน่วยเลือกตั้ง จาก 266 หน่วยเลือกตั้ง และ ขอให้มีการเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่ 9 หน่วยเลือกตั้ง เนื่องจากหน่วยดังกล่าวอาจมีบัตรเขย่ง โดยมี น.ส.ภาพิตร ละอองเดช รองผู้อำนวยการ สนง.กกต.จว.พิษณุโลก และนาย ธีรพงษ์ ฟองจางวาง หัวหน้าสืบสวนสอบสวนและพรรคการเมือง สนง.กกต.จว.พิษณุโลก เดินทางลงมารับเรื่อง พร้อมระบุว่า กกต.ขอรับเรื่องไว้เพื่อทำการตรวจสอบตามการร้องเรียนและส่งเรื่องไปยัง กกต.กลาง เพื่อพิจารณาดำเนินการอีกครั้ง หลังรับเรื่องได้ให้ทาง ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขึ้นไปทำหนังสือ ร้องเรียนที่ชั้น 3 ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและพรรคการเมือง สนง.กกต. เพื่อนำข้อร้องเรียนเสนอ กกต.จังหวัดพิษณุโลก และกกต.พิจารณาตามลำดับชั้นต่อไป
นายจเด็ศ จันทรา ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 3 พิษณุโลก กล่าวว่า สาเหตุที่เดินทามาร้องเรียนกับทาง กกต.ในครั้งนี้ เรื่องแรกเนื่องจากเกิดเหตุความผิดปกติในการรับคะแนนตามที่ปรากฏในข่าว ว่ามีคนมาใช้สิทธิ์เกินจำนวน 131% เรื่องที่ 2. มีประชาชนมาแจ้งว่าในวันที่มีการเลือกตั้งประชาชนเข้าไปขอถ่ายรูปถ่ายวีดีโอที่หน่วยเลือก แต่ทางเจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งแจ้งว่าไม่สามารถถ่ายรูปใดๆได้ เนื่องจากจากเราต้องการเพียงเข้าไปตรวจสอบการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ กกต.ว่านับคะแนนเป็นไปอย่างโปร่งใสหรือไม่ โดยออกนอกหน่วยไม่ได้เข้าไปวุ่นวายภายในหน่วยแต่อย่างใด เรื่องที่ 3 สังเกตเห็นความผิดปกติของหน่วยเลือกตั้งสูงถึง 40 หน่วย จาก 266 หน่วย ซึ่งมีจำนวนประมาณ 9 หน่วยเลือกตั้งที่มีปัญหาเรื่องบัตรเขย่ง ในวันนี้จึงได้เตรียมเอกสารความผิดปกติมายื่นให้กับทาง กกต.พิษณุโลก ว่ามีเหตุที่เราเชื่อว่าน่าจะ เข้าข่ายบัตรเขย่ง ฝากให้ทางเจ้าหน้าที่ กกต.ช่วยตรวจสอบ ว่าเข้าข่ายความผิดบัตรเขย่งหรือเปล่า ส่วนเรื่องอื่นๆเป็นเรื่องของความผิดปกติที่เราพบ ซึ่งได้ระบุไว้ในหนังสือร้องเรียนแล้ว และเรื่องสุดท้ายคือพบว่ามีหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคการเมืองหนึ่ง ปล่อยให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุม Primary vote โดยหลังจากที่มีการโหวตเรียบร้อยแล้ว ค่อยไปลาออกจากพรรคเก่าในวันรุ่งขึ้น ซึ่งผมต้องข้อสงสัยว่า Primary vote นี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่เห็นชอบด้วยกฏหมาย หัวหน้าพรรคและกรรมการพรรคจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้เท่าที่ดูโทษอาจถึงขั้นตัดสิทธิ์ 5 ปี
สำหรับการมาร้องเรียน ให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องบัตรเขย่งนั้น ถ้าเป็นไปตามการร้องเรียน หากพบว่าเข้าข่ายเป็นบัตรเขย่งจริง ก็อยากเรียกร้องขอให้ทาง กกต. ดำเนินการนับคะแนนใหม่ หรือ ทำการเลือกตั้งใหม่ ในหน่วยเลือกตั้งทั้ง 9 หน่วยเลือกตั้งที่ผิดปกติด้วย
น.ส.ภาพิตร ละอองเดช รองผู้อำนวยการ สนง.กกต.จว.พิษณุโลก กล่าวว่า ด้านทางเจ้าหน้าที่กกต หลังจากเรารับเรื่องจากผู้สมัครแล้ว จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามข้อเท็จจริง ตามที่คำร้องคัดค้านที่ได้ยื่นเข้ามา โดยในวันนี้ ทางงานสืบสวนสอบสวน จะทำเรื่องร้องคัดค้านให้กับทางผู้ร้อง ส่วนข้อเท็จจริงว่าจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่หรือมีการนับคะแนนใหม่ เป็นเรื่องที่เราจะต้องนำเสนอสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นตามระเบียบ แล้วก็ทำเรื่องส่งให้ทาง กกต.กลาง ตรวจสอบ สั่งการลงมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบนานพอสมควร อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องทางกลุ่มผู้เรียกร้องดังกล่าวได้ขอให้มีการนับคะแนนใหม่ และ มีการเลือกตั้งใหม่ในบางหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งการ กกต.ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงตามระเบียบ อย่างละเอียดต่อไป
สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 3 อำเภอวังทอง ทั้งอำเภอ 11 ตำบล และอำเภอเนินมะปรางทั้งอำเภอ 7 ตำบล เขตนี้ นายพงษ์มนู ทองหนัก พรรครวมไทยสร้างชาติ อดีต รองนายกอบจ.พิษณุโลก เข้ามาเป็นลำดับ 1 ด้วยคะแนน 22,765 คะแนน ชนะ นายจเด็ศ จันทรา พรรคเพื่อไทย 21,969 คะแนน คะแนนห่างกันเพียง 796 คะแนน
/////////////