เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยนายชนะชน อ่อนอ้าย อายุ 32 ปี ลูกชาย นายมนัส อ่อนอ้าย อดีต ส.ส. พิษณุโลก เขต 5 และเป็นอดีต นักการเมืองท้องถิ่น เป็นนักต่อสู้ทางการเมืองที่เดินตามรอยพ่อเวลาออกไปทำงานในพื้นที่ เปรียบเสมือนเป็นเงาของพ่อ ในสนามการเมืองปีนี้ นายชนะชน อ่อนอ้าย ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พิษณุโลก เขต 5 เบอร์ 2 พรรคไทยสร้างไทย มีพื้นที่รวม 3 อำเภอ คือ อำเภอนครไทย อำเภอชาติตระการ และอำเภอวัดโบสถ์ หลังพบอุปสรรคถูกเทจากพรรคเดิม จึงต้องมาอยู่กับ พรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค แต่ไม่เคยท้อแท้ เพราะมีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจอยากจะขออาสามารับใช้ประชาชน ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยม ในแบบนักการเมืองที่ดีตามรอยพ่อ
ทั้งนี้ได้ชูนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย คือ บำนาญประชาชน 3,000 บาทต่อเดือน สำหรับผู้สูงอายุ เพราะเงินก้อนนี้มีความสำคัญมาก เพราะปัจจุบันผู้สูงอายุได้รับเดือนละ 600 บาท ไม่เพียงพอต้องขอลูกขอหลาน และเงินบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท และนโยบาย หวยบำเหน็จ ชาวบ้านบอกว่าไม่มีเงินซื้อโน้นซื้อนี่ แต่เวลาซื้อหวยกับมีเงินจ่ายซื้อ โดยเราจะนำเงิน ตรงนี้มาเป็นเงินบำเหน็จในอนาคต เป็นการดูแลรักษาเรื่องโรคร้ายแรงต่างๆ แต่ละชุมชนมี อสม. โดยเพิ่มขึ้นมาเงินเดือน 2,500 บาท นอกจากนั้นพรรคมีทีมเศรษฐกิจ มีความพร้อมมีความมั่นใจที่จะดูแลประชาชนทั้งประเทศให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น
นายชนะชน อ่อนอ้าย ผู้สมัคร พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า การที่ตนเข้ามาสนใจการเมือง หลายคนอาจจะมองว่าผมอายุน้อยเพียง 32 ปี สาเหตุที่คุณพ่อไม่ลงสมัครเอง เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ แต่ตนอยู่กับการเมืองมาทั้งชีวิต ตั้งแต่พ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน ขยับก้าวมาเป็นกำนัน ได้มาเป็น สจ. เขตอำเภอนครไทย ต่อมาได้ลงสมัคร ส.ส. และได้มาเป็น ส.ส.ในพื้นที่เขต 5 ทำให้ตนเองได้เรียนรู้ปัญหาของชาวบ้านมาโดยตลอด การที่อยู่กับพื้นที่ชาวบ้านจะรู้อยู่ว่า คุณพ่อมนัส เป็นคนติดดินอยู่กับชาวบ้านดูแลชาวบ้านอย่างใกล้ชิด จนชาวบ้านรู้ว่า ส.ส.มนัส หรือเรียก กำนันมนัส เพราะไปไหนมาไหนเข้าถึงได้ง่าย โดยผมได้นำวิธีการทำงานของคุณพ่อมาปรับใช้ กับตนเอง ทำให้สามารถประสานงาน กับชาวบ้าน จนถึงในระดับที่สูงขึ้นได้ นอกจากนี้ในพื้นที่หาเสียงเขต เขต 5 พบปัญหามากมาย ปัญหามีความแตกต่างไปในแต่ละบริบท ผมอยากจะเริ่มที่ศูนย์ก่อน เริ่มที่สถาบันครอบครัว เป็นอันดับแรก
สำหรับพื้นที่พิษณุโลก เขต 5 ในอดีตเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ตลอด กระทั่งมาเปลี่ยนในรุ่นของพ่อตน จากพรรคพลังประชารัฐ ช่วงนั้นผมเริ่มเป็นเงาของพ่อ ทำงานด้วยกันตลอด แต่ช่วงหลังพ่อล้มที่สภาจากเส้นเลือดแตก ทำให้สุขภาพไม่สมบูรณ์ และมีความดันเบาหวาน และสูบบุหรี่จัดอีก ทำให้ตนต้องมาช่วยงานแทนพ่อตลอด ครั้งนี้ตั้งใจลง ส.ส.เขต แทนพ่อในนาม พรรครวมไทยสร้างชาติ ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ตนถูกคัดชื่อออก กระทั่งได้ย้ายมาอยู่กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย โดยยึดแนวทางการหาเสียง เน้นการลงพบปะประชาชนถึงที่บ้านในทุกพื้นที่ เพื่อขออาสารับใช้พี่น้องประชาชนทั้งสามอำเภอ