พระโยมสุดทนแจ้งตำรวจถูกคนร้ายลักทรัพย์คนตาย

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 16 ก.พ.2566 ศูนย์วิทยุ 191 พิษณุโลก ได้รับแจ้งจาก นายประสาน เกียรติสุด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก ว่ามีเหตุคนร้ายลักทรัพย์ของคนตายที่วัดมะขามเตี้ย จึงประสานให้ตำรวจประจำหน่วยบริการประชาชนตำบลหัวรอไปตรวจสอบพบ พระกอร์ปเกื้อ ธรรมะคเวสโก พระลูกวัดและผู้แจ้งรวมทั้งญาติโยมรออยู่ โดยพระกอร์ปเกื้อได้พาไปดูด้านข้างศาลาธรรมสังเวช 2 ที่เรียงขาเหล็กนั่งร้านไว้ซึ่งถูกคนร้ายเอนออกทางซ้ายและขวาเพื่อใช้เป็นช่องทางเข้าไปเพื่อเข้าทางหน้าต่างของศาลาที่มีการปิดล็อกประตูเหล็กไว้ช่วงกลางคืนเนื่องจากทางวัดไม่อนุญาตให้ญาติโยมมาเฝ้าศพผู้เสียชีวิต ก่อนที่จะพาไปดูภายในศาลาที่บริเวณตั้งโลงเย็นของผู้เสียชีวิตไว้ พบร่องรอยคนร้ายรื้อค้นถุงที่ใส่เสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตที่ญาตินำมาวางไว้ และดูฝาโลงเย็นที่ถูกคนร้ายเปิดเพื่อค้นหาเงินในมือศพ พร้อมทั้งกระสอบข้าวสาร ถุงหิ้วใส่น้ำปลา น้ำมันพืช และน้ำตาลทราย รวมทั้งพัดลมที่คนร้ายลักไป แต่ญาติโยมพบเห็นก่อนคนร้ายจึงไม่สามารถนำไปได้

นางสายใจ ตรงต่อกิจ อายุ 59 ปี ผู้ที่ช่วยเหลือพระคอยดูแลวัดเปิดเผยว่า ตนเห็นผู้ก่อเหตุเดินวนเวียนอยู่ในวัด พอไปนั่งอยู่ที่ศาลาไม้จึงเดินไปดู ก็เห็นพัดลมตั้งอยู่ตรงหัวบันไดศาลาไม้ พอสอบถามก็อ้างว่าญาติของคนตายให้แต่ตนตรวจสอบแล้วพัดลมเป็นของเจ้าภาพงานศพที่ตั้งไว้อีกศาลาอื่นไม่ใช่ศาลาไม้ที่ผู้ก่อเหตุอ้าง และในมือผู้ก่อเหตุถือถุงหิ้วใส่น้ำมัน น้ำปลา และน้ำตาลทรายอยู่ รวมทั้งข้าวสาร 1 กระสอบที่ลักออกมาจากศาลาธรรมสังเวช 1 วางอยู่ใกล้ ๆ ด้วย ตนจึงยึดสิ่งของไว้ทั้งหมดไว้ จากนั้นผู้ก่อเหตุก็หลบหนีออกจากวัดไป ส่วนเงินในมือศพที่อยู่ในโลงเย็นนั้นไม่ทราบว่าได้ไปหรือไม่ แต่ทางเจ้าอาวาสก็บอกญาติโยมที่นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดแล้วว่า อย่าใส่ไว้ในมือศพขณะที่อยู่ในโลงเย็น เพราะที่ผ่านมามีประวัติคนร้ายลักเงินในมือศพที่อยู่ในโลงเย็นเป็นประจำ

ด้าน พระกอร์ปเกื้อ พระลูกวัดเปิดเผยว่า ตอนเช้าจะมาเปิดศาลาให้โยม มาเปลี่ยนข้าวและเช็คโลงเย็นตามกิจวัตรปกติ แล้วเห็นถุงใส่เสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตถูกรื้อค้น เลยตรวจดูรอบศาลาก็เห็นหน้าต่างหลังศาลาเปิดอยู่ โลงเย็นก็ถูกเปิดเหมือนคนร้ายต้องการจะเอาเงินในมือศพ ปกติคนร้ายจะมานอนอยู่ในวัดเป็นประจำ ข้างโบสถ์บ้าง ข้างศาลาบ้าง มีการตากเสื้อผ้าไว้บริเวณห้องน้ำของวัด เป็นคนในหมู่บ้านไม่ใช่คนเร่ร่อนแต่เป็นคนตกงานอายุประมาณ 40 – 45 ปี มีพฤติกรรมดื่มสุราภายในวัด ทางวัดก็ตักเตือนและท้วงติงเมื่อหยิบของในงานศพไป บางทีเจ้าภาพงานศพก็ไล่ไปก็หายไปจากวัดได้ 2 – 3 วันก็กลับมาใหม่ เจ้าภาพบางงานไม่ทราบนึกว่าเป็นคนของวัดก็ให้ช่วยยกเก้าอี้เรียงเก้าอี้ให้ พอเจ้าภาพเผลอก็หยิบของเค้าไป เปิดประตูโลงเย็นเอาเงินในมือศพหรือของมีค่าที่ญาติวางไว้บนศพไปก็มี เบื้องต้นตำรวจได้ให้ผู้ใหญ่บ้านเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เพื่อจะได้ติดตามตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แสดงความคิดเห็น