“ไปต่อ ไม่รออะไรแล้ว” เดินหน้าผลักดัน “สนามบินนานาชาติพิษณุโลก” เป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน

วันนี้ ที่ห้องประชุม  มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม (ส่วนทะเลแก้ว) อ.เมือง จ.พิษณุโลก  ผศ.ดร.ชุมพล เสมาขันธ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม เป็นประธานการประชุมโครงการขับเคลื่อน และพัฒนาสี่แยกอินโดจีน “ด้านโลจิสติกส์ “ โดยมีหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนในจังหวัดพิษณุโลกเข้าร่วมประชุม  เช่น สภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลก , นายท่าอากาศยานพิษณุโลก ,ผู้แทนภาคการเมือง,ผู้แทนนักวิชาการ ,ผู้แทนบริษัทนำเที่ยว และนักธุรกิจชั้นนำในจังหวัดพิษณุโลก โดยประเด็นนั้นมุ่งไปที่เรื่องของการเดินหน้าทำให้สนามบินพิษณุโลก กลายเป็นสนามบินนานาชาติอย่างแท้จริง  หลังรอคอยมานานกว่า 34 ปีแล้ว ทั้ง ๆ ที่สนามบินก็มีความพร้อมทุกอย่าง  ที่ประชุมจึงได้มีการแบ่งงานหลัก ๆ เพื่อขับเคลื่อนเป็น   Action plan ใน 10 หัวข้อการดำเนินการ  พร้อมกำหนดผู้รับผิดชอบ ประกอบด้วย

1.การพัฒนาท่าอากาศยานพิษณุโลก พร้อม ขึ้นป้ายเป็น “ท่าอากายานนานาชาติพิษณุโลก” สร้างแรงจูงใจจากสายการบินต่าง ๆ  และเพื่อลดความแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิมาไว้ที่นี่

2.การพัฒนา ระบบคมนาคม การขนส่งทางบก ให้พร้อม

3.การพัฒนาศูนย์ขนส่งสินค้าภาคเหนือตอนล่าง  เป็นศูนย์กระจายสินค้า หรือศูนย์จำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม และการเกษตรที่ครบวงจร

4.การพัฒนาพื้นที่ให้เกิดการค้าการลงทุน  จัดให้มีเขตอุตสาหกรรม หรือนิคมอุตสาหกรรม   นวัตกรรมอาหาร และผลิตภัณฑ์สมุนไพร

5.การพัฒนาเมืองที่ชาญฉลาด ทั้งเรื่องคุณภาพประชาชน ที่มีสุขภาพดี การดำเนินชีวิตที่ดี โครงสร้างพื้นฐานและการบริการสาธารณะต้องดี  เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีดิจิตอล   ให้เป็นเมืองแห่งโอกาสทางการค้าและการลงทุน

6.การพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ รองรับศูนย์กลางการประชุมของภาคเหนือตอนล่าง

7.การพัฒนาบึงราชนกให้เป็นสวนสาธารณะระดับโลก

8.การพัฒนากำจัดขยะแบบครบวงจร

9.การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์  , ทางธรรมชาติ  และการท่องเที่ยวเกษตรนวัตวิถี

10.โครงการเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก

โดยให้เริ่มดำเนินการแบบคู่ขนานไปพร้อม ๆ  กันในทุกหัวข้อทันทีหลังจบการประชุมครั้งนี้  เช่น การขออนุญาตทางสำนักการบินพลเรือน  เพื่อให้มีการทำธุรกรรมแบบสนามบินนาชาติได้ พร้อมเปลี่ยนป้ายชื่อจาก “ท่าอากาศยานพิษณุโลก”  เป็น  “ท่าอากายานนานาชาติพิษณุโลก” , มีการเปิดเดินทางเป็นสายการบินต่างประเทศเที่ยวแรกภายใน 6 เดือน คือ พิษณุโลก – เวียดนาม  ก่อนที่จะวางเป้าหมายไปยังประเทศอื่น ๆ  ซึ่งกำหนดไว้ให้มีการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวก่อน ในราคาประหยัด  โดยใช้จุดแข็งทางการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของ จ.พิษณุโลก และจังหวัดรอบข้าง  เช่น พิจิตร  สุโขทัย เพชรบูรณ์  ตาก  ทั้งการเที่ยวตามรอยลุงโฮจิมิน ที่มีความผูกพันอยู่กับชาวภาคเหนือตอนล่าง  โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์ลุงโฮจิมินที่ จ.พิจิตร  ซึ่งเป็นจุดขายแก่นักท่องเที่ยวขาวเวียดนามเป็นอย่างดี  และนำเที่ยวนักท่องเที่ยวชาวไทย สู่เวียดนามที่มุ่งไปชมประเพณีวัฒนธรรม ของชาวเวียดนาม และอนาคตก็จะกลายเป็นการค้าขาย ส่งเสริมด้านการลงทุนในอนาคต โดยมี บริษัท นำเที่ยวชั้นนำของประเทศเป็นผู้ดำเนินการ ภายในกรอบของคณะทำงานชุดนี้ ซึ่งถือว่าการหารือครั้งนี้ เป็นการก้าวไปข้างหน้าแบบจริงจัง ไม่ขาดตอน ทำให้ท่าอากาศยานนานาชาติพิษณุโลก กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงไปต่างประเทศโดยตรงได้จริง โดยไม่ต้องผ่านสนามบินสุวรรณภูมิอีกต่อไป

/////////

 

 

แสดงความคิดเห็น