เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (22 กันยายน 2565) ที่ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร อ.เมือง จ.พิษณุโลก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 2 และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง สถานการณ์กัญชาทางการแพทย์ของประเทศไทย ทางเลือกในอนาคต โดยมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐ อสม. และประชาชนเข้าร่วมงาน กว่าร่วมงานกว่า 4,000 คน ซึ่งในช่วงที่นายอนุทิน เดินเข้าร่วมงานนั้น ได้มีประชาชนขอถ่ายรูปเซฟฟี่กันจำนวนมาก
นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายหลักในการปลดล็อคกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดคือ 1.เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกรมด้านวิชาการ ทั้งกรมการแพทย์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และกรมสุขภาพจิต ร่วมกันกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ จัดอบรม และจัดสอบขึ้นทะเบียนผู้สั่งใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ 2.ผลักดันให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจของชุมชน เปิดโอกาสให้ประชาชนรวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชนขออนุญาตปลูกเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ทั้งระดับครัวเรือน วิสาหกิจชุมชน และระดับประเทศ เกิดรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และ 3.เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างเหมาะสม สิ่งสำคัญที่สุดคือให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการกัญชาทางการแพทย์ เป็นทางเลือกในการรักษา ทั้งการแพทย์แผนปัจจุบัน และเป็นส่วนผสมในยาแผนไทย ไม่ใช่เพื่อสันทนาการ ซึ่งมีกฎหมายที่จะช่วยควบคุมกำกับทั้ง พ.ร.บ.การสาธารณสุข ประกาศกรมอนามัย และประกาศกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อป้องกันการนำมาใช้ในทางที่ผิด
ในส่วนข้อมูลการสั่งจ่ายยากัญชาทางการแพทย์ ของสถาบันกัญชาทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้สรุปภาพรวม พบว่า โรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สังกัดกรมสุขภาพจิต สังกัดกรมการแพทย์ สังกัดกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และสถานพยาบาลเอกชน ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2562- 2565 มีการสั่งจ่ายยากัญชาให้กับผู้ป่วยไปแล้ว 143,874 ราย หรือจำนวน 453,818 ครั้ง และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง
นายอนุทิน ได้กล่าวบนเวที ว่า ทางรัฐบาล ได้ห่วงใย พี่น้อง อสม. ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ให้อีก 500 บาท หลังจากนี้ก็พิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนให้ อสม.ทั่วประเทศ เป็น 2,000 บาท อีกด้วย พร้อมให้ อสม.ส่งกำลังใจให้นายกตู่ ระหว่างพักงานอีกด้วย ขณะที่เรื่องกฎหมายกัญชา ที่มีปัญหาในสภา ขณะนี้ นายอนุทิน กล่าวบนเวที อีกว่า ในสัปดาห์ที่มีพรรคการเมือง 3 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ที่รวมตัวกันไม่เห็นชอบที่จะนำกฎหมายกัญชาออกมาใช้ได้ ซึ่งตนก็คิดว่า เป็นเรื่องของระบบประชาธิปไตย ก็ต้องทำตามในสภา แต่กฎหมายหลักในการปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติดก็ยังอยู่ ประชาชนยังสามารถปลูกกัญชา ผลิตยา อาหาร เครื่องดื่ม จากกัญชา ได้เช่นเดิม
ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ รมว.สธ. ถึงกรณีที่ ครม.ไม่มีการพิจารณาร่างกฎหมายกัญชานั้น นายอนุทิน กล่าวว่า จะเห็นได้ว่านโยบายกัญชาของกระทรวงสาธารณะสุขก็ยังดำเนินต่อไป เพราะเราใช้กฎหมายกระทรวงสาธารณสุขในการกำกับดูแล การใช้กัญชงกัญชาทางการแพทย์ให้ถูกวิธี ขอยืนยันว่าข้อกังวลต่าง ๆ ในเรื่องที่จะนำกัญชาไปใช้ในการเฮฮา ปาร์ตี้ ไม่มีอย่างแน่นอน แม้กระทั่งในร่างกฎหมายของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีเรื่องการนำกัญชาไปใช้ในการบันเทิงหรือสันทนการ ดังนั้นความกังวลที่ว่า เมื่อไม่มีการพิจารณากฎหมายกัญชาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไม่ได้หมายความว่ากัญชาจะใช้ไม่ได้ เจตนารมณ์ของกระทรวงสาธารณสุข คือการปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด ได้ทำไปเรียบร้อยแล้ว กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป เพียงแต่ว่ากฎหมายที่จะนำมาควบคุมยังไม่ได้รับการพิจารณาจากสภาฯเท่านั้น ถึงแม้จะยังไม่ได้รับการพิจารณาจากสภาฯ ก็ใช้กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขควบคุม ซึ่งไม่เป็นการลิดรอนสิทธิใด ๆ ของชาวบ้าน ไม่เป็นการก่อให้เกิดการใช้อย่างเสรีในทางที่ไม่ถูกต้อง ทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม จนกว่าสภาฯ จะพิจารณาร่างกฎหมายที่เราเตรียมไว้อย่างพร้อมแล้ว ในสมัยประชุมสภาฯ ครั้งต่อไป ประมาณเดือน พ.ย.หรือ ธ.ค.นี้ ถ้าไม่พิจารณาอีกก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขมีอยู่ และกัญชาก็ไม่ได้เป็นยาเสพติดอีกต่อไป เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจประเด็นด้วยไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อการใช้กัญชา
///////