กลุ่มเกษตรกร ต.ทับยายเชียง ปลูกเมล่อนเหลือง ปลอดสาร ขายรายได้งาม

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ลานหน้าบ้านของเกษตรกรชาวนา  นาย วสันต์   เอี้ยงเอี่ยม  อายุ 61 ปี  เลขที่ 10 ม.3 บ้านเขาน้ำสุด ตำบลทับยายเชียง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก  หลังว่างเว้นจากการทำนา ก็ได้ใช้พื้นที่ว่าง  สร้างเป็นโรงเรือนโดมโครงเหล็กพลาสติกใสแบบปิด จำนวน 3 โรง  ทำการซื้อเมล็ดพันธุ์เมล่อนพันธุ์จักรพรรดิ ที่เมื่อออกผลแล้วจะมีสีเหลืองอร่าม เป็นสีทองสลับกับสีเขียวของลำต้นและใบสวยงามมาก  วันนี้กำลังสุกได้ที่ พร้อมตัดได้ในวันรุ่งขึ้นแล้ว

นาย วสันต์  เล่าว่า ทุกวันนี้ก็ยังทำนา แต่เมื่อมาศึกษาพื้นที่รอบบ้านตนเองพบว่ามีการปลูกแตงโมสลับนากันเป็นจำนวนมากขึ้น เพราะดินที่นี่เหมาะกับการปลูกพืชชนิดแตง  จึงคิดอยากทำการปลูกเมล่อน เพราะเห็นว่าเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า และจะไม่ใช้สารเคมี จะเป็นเมล่อนปลอดสารพิษให้ได้มากที่สุด  จึงได้ศึกษาเรียนรู้จากวิทยากร ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทับยายเชียงเชิญมาให้ความรู้ ทั้งการหาซื้อพันธุ์  การเตรียมดิน การให้ปุ๋ย การทำความสะอาดให้ไร้ซึ่งแมลงศัตรูพืช  โดยลองผิดลองถูกปลูกมาแล้ว 4 ปี มาสำเร็จใน  2 ปีหลังนี้เอง

นาย วสันต์  บอกว่า ตนเองได้ใช้พื้นที่หน้าบ้าน เพื่อง่ายต่อการดูแล ส่วนผืนนาก็ยังไม่ทิ้ง โดยสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์มาทำการเพาะเป็นต้นขั้นมา   อีกทั้งยังทำเป็นระบบน้ำหยดใต้ดิน  ฝังสายยางขนาดเล็กไปทั่วโดม  เพื่อให้น้ำต้นเมล่อนตามคำแนะนำของทางวิทยากร   โดยจะเพาะต้นเมล่อนสลับไปทีละโดม  เพื่อให้มีผลผลิตออกในจำนวนที่เหมาะสมแบบสลับกันไป  และวันนี้ยังมีการผสมเกสรดอกเมล่อนสีเหลืองสด ๆ  ด้วยมือ จนครบทุกต้น   และเมื่อติดผลเล็ก ๆ  แล้ว จะพิจารณาเลือกผลที่ติดที่สมบูรณ์ที่สุด  เก็บไว้เพียง 1 ต้นเท่านั้น  พร้อมดูแลจนลูกโต เท่ามะนาว ก็จะทำการตัดออก เหลือเพียงผลที่สมบูรณ์ที่มุดไว้เพียงผลเดียวเท่านั้นต่อต้น ซึ่งใน 1 โรงเรียน จะสามารถปลูกได้ 370 ต้น เท่ากับจำนวนผลคือ  370  ผล   ในการปลูกจะใช้เวลา 75-80 วัน ก็สามารถตัดจำหน่ายได้  แต่ก็ไม่วายที่จะประสบปัญหา คือ ผลแตก  สาเหตุที่ผลเมล่อนมักจะแตกในฤดูฝน เกิดจากความชื้นจากแหล่งต่างๆ เป็นตัวแปรที่สำคัญและมีส่วนอย่างมาก คือ ความชื้นที่เกิดทางดิน ทางอากาศ ต้นเมล่อนจะดูดซับความชื้นอยู่ตลอดเวลา และความชื้น ที่ถูกดูดซับนั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำส่งไปที่ต้นและผล เมื่อผลเมล่อนได้รับน้ำเป็นจำนวนมากจึงส่งผลให้เมล่อนของเราเกิดการแตก

แต่ส่วนใหญ่ก็ยังออกผลผลิตสีเหลืองทองอร่าม หวานกรอบ พร้อมเก็บจำหน่าย กิโลกรัมละ 80 บาท โดยลูกหนึ่งจะหนักประมาณ 2 กิโลกรัม  และที่พิเศษคือ การให้ผลเมล่อนโตในกล่องพลาสติกรูปหัวใจ จะจำหน่ายในราคาผลละ 590 บาท  ส่วนการจำหน่ายได้โพสต์ขายในสื่อโซเชียลมีเดีย แล้วจัดส่งให้ และวันนี้ยังมีตัวแทนสรรหาผลผลิตทางการเกษตร ได้มาขอสำรวจเพื่อติดต่อขอซื้อเพื่อนำไปจำหน่ายแบบขึ้นห้าง อีกทั้งยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าเข้าเที่ยวชม และตัดเมล่อนด้วยตนเอง รายได้ที่ได้ก็เป็นรายได้เสริมจากการทำนา เป็นการ  สร้างรายได้เสริมจากอาชีพทำนาที่เป็นหลัก   โดยผลของเมล่อน พร้อมตัดออกจำหน่าย ให้กับผู้ที่สนใจ ได้เลือกซื้อนำไปรับประทานและเป็นของฝากได้

เมล่อนสายพันธุ์เหลืองจักรพรรดิที่มีลักษณะ ผลจะเป็นสีเหลืองทอง ผิวเรียบ เมื่อผลสุกพร้อมตัด จะมีความสวยงามของแปลงปลูกที่เป็นสีเหลือง   ส่วนเนื้อจะออกสีเหลืองอมส้ม มีรสชาติหวาน กรอบ และมีกลิ่นหอม ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมปลูกกันมากและเป็นพืชที่ใช้พื้นที่น้อย เมื่อเทียบกับรายได้สูงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค

ด้าน นาง สิริพร  จุลเอี่ยม ในฐานะประธานวิสาหกิจชุมชนหนองมะคังผักในมุ้ง ที่ดูแลทั้งผัก  แตงโม แคนตาลูป และเมล่อนที่ต้องผ่านมาตรฐาน GAP. เพื่อสร้างคุณภาพและให้ความมั่นใจกับผู้บริโภค นอกจากนี้ในการเพาะปลูกเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัด เข้ามาให้คำแนะนำการเพราะปลูกทั้งหมด ทำให้ผลผลิตทุกชนิดได้มาตรฐาน ท่านใดสนใจ จะซื้อหรือชมโรงเรียนปลูกเมล่อนสายพันธุ์จักรพรรดิสีทองแหล่งนี้ ติดต่อได้ที่ พี่วสันต์ โทร 099-0578657 ได้ตลอดเวลา

////////////

 

แสดงความคิดเห็น