วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์เรียนรู้บ้านวังส้มซ่า บ้านวังส้มซ่า ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นหมู่บ้านนวัตวิถีของชุมชน ต.ท่าโพธิ์ ที่ขณะนี้ทางหมู่บ้านได้มีความคิดริเริ่มในการปลูกกะหล่ำปลีทั้งหมู่บ้าน เพื่อลดค่าใช้จ่าย สร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือน อีกทั้งน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง สร้างแหล่งท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน
โดยกะหล่ำปลี ที่ชาวบ้านกำลังปลูกไว้ล็อตแรก ได้เริ่มผลผลิตบ้างแล้ว จนชาวบ้านได้นำหัวกะหล่ำปลีมาคิดเป็นเมนูเด็ด ที่ต่อยอดให้กับชุมชม ด้วยการเป็นเมนู “กะหล่ำปลีห่อไข่ปลอดสารเคมี” ให้นักท่องเที่ยวได้ชิม และเลือกซื้ออีกด้วย โดยในวันนี้นางดวงฤดีโพธิ์ทอง สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านวังส้มซ่า พร้อมด้วยเพื่อนสมาชิกกลุ่มโชว์ฝีมือการทำเมนู “กะหล่ำปลีห่อไข่” เมนูอาหารเด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี ต่อยอดจากสวนกะหล่ำปลีปลอดสารเคมีบ้านวังส้มซ่า ที่ได้ส่งเสริมให้คนในชุมชนได้ปลูกกะหล่ำปลีปลอดสารเคมีในพื้นที่ราบได้ผลสำเร็จเป็นรายใหญ่ที่สุดใน จังหวัดพิษณุโลก
นางสาววรัญญา หอมธูป อายุ 32 ปี ผู้ประสานงานชุมชนบ้านวังส้มซ่า ได้ให้สัมภาษณ์ว่าศูนย์เรียนรู้บ้านวังส้มซ่า ประสบความสำเร็จในการเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้พื้นถิ่น โดยหยิบยกเอาผลผลิต อาหาร คนพื้นถิ่นมาต่อยอด ส่งเสริมสร้างเป็นจุดขายให้กับชุมชนอย่างที่ผ่านมาคือเมนู ส้มซ่า ข้าวห่อใบบัว และในช่วงนี้ทางชุมชนบ้านวังส้มซ่า ได้การปลูกกะหล่ำปลีปลอดสารเคมีในพื้นที่ราบประสบความสำเร็จ มีการกระจายไปยังบ้านเรือนประชาชนในชุมชนกว่า 50 หลังคาเรือนที่หันมาใช้พื้นที่ว่างในบริเวณบ้าน รอบๆบ้าน อย่างสวนกล้วย และบริเวณริมแม่น้ำน่าน หรือแม้แต่ตามริมรั้วบ้าน หันมาปลูกกะหล่ำปลีปลอดสารเคมี ตามแนวพระราชดำริเกษตรพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ปลูกไว้ทานเองในครอบครัว เหลือจากนั้นก็ขาย สร้างรายได้ ลดรายจ่ายในครัวเรือน โดยผลผลิตที่ได้จะส่งขายให้กับทางศูนย์เรียนรู้บ้านวังส้มซ่า และทางศูนย์เรียนรู้ฯ ก็ได้ต่อยอดนำกรหล่ำปลีปลอดสารเคมีที่ปลูกโดยคนในชุมชน มาต่อยอดเป็นเมนูเด็ดคือ “เมนูกะหล่ำปลีห่อไข่ปลอดสารเคมี” ซึ่งเป็นเมนูที่เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดีเพราะปลอดสารเคมี 100%
นางสาววรัญญา หอมธูป อายุ 32 ปี ผู้ประสานงานชุมชนบ้านวังส้มซ่าได้บอกต่ออีกว่า ด้วยหลักการทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียง บ้านวังส้มซ่าประยุกต์ใช้ มีการณรงค์เรื่องการปลูกกะหล่ำปลี หรือปลูกผักอื่นๆ ในพื้นที่ราบ เป็นเวลา 90 วัน ทำให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจในชุมชน และหลังจากนั้นเราก็ต่อยอดจากการขายกะหล่ำปลีเป็นหัว ราคากิโลกรัมละ 25-30 บาท โดยเรามีตลาดผักปลอดสารเคมีที่รับซื้อผลผลิตในแต่ละปี และด้วยความที่เราเป็นชุมชนท่องเที่ยวโอท็อป นวัตวิถีบ้านวังส้มซ่า ที่ต้องมีการต้อนรับคณะศึกษาดูงานอยู่แล้วจึงนำกะหล่ำปลีปลอดสารเคมีมารังสรรค์เป็นเมนูอาหารพื้นถิ่น คือเมนูกะหล่ำปลีห่อไข่ โดยคัดกะหล่ำปลีหัวขนาดครึ่งกิโลกรัม มาคว้านด้วยมีดแกะสลักเป็นสี่เหลี่ยมตรงกลางสำหรับเทไข่ใส่ จากนั้นใช้ไข่ไก่ 5 ฟอง มาตีผสมกับเครื่องปรุงเล็กน้อยตามใจชอบ โรยแครอทหั่นเต๋า และต้นหอม เมื่อตีไข่เข้ากันดีแล้ว ก็นำไปเทใส่ตรงกลางกะหล่ำปลีที่เราคว้านไว้ประมาณครึ่งนึงของไข่ทั้งหมด จากนั้นนำไปใส่ซึ้งนึ่งประมาณ 30 นาที โดยทุกๆ 10 นาทีจะคอยเปิดซึ้งเติมไข่ที่ตีไว้ไปจนหมด และนึ่งต่อ คอยใช้ส้อมจิ้มดูว่าไข่สุกดีหรือยัง เมื่อสุกดีแล้วก็นำมาตักหั่นเป็นชิ้น ทานกับข้าวสวยร้อนๆ จะได้รสชาติของไข่ตุ๋น และได้รสชาติความหอมหวานของกะหล่ำปลี โดยราคาขายเมนู กะหล่ำปลีห่อไข่ปลอดสารเคมี เริ่มต้นที่หัวละ 79 บาท ซึ่งสามารถทานได้ 3-5 คน
และในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม 2565นี้ ซึ่งจะเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลี ก็จะเปิดศูนย์เรียนรู้เปิดให้คณะผู้ที่เข้ามาศึกษาเรียนรู้ ได้ลงมือทำเมนูกะหล่ำปลีห่อไข่ด้วยตนเอง ตั้งแต่เดินเลือกกะหล่ำปลีเอง ตัดเอง ลงมือปรุงเองทุกขั้นตอน จนถึงชิมเมนูของตนเองด้วย แต่ถ้าใครไม่สะดวกมาเรียนรู้ แต่อยากชิมเมนู “กะหล่ำปลีห่อไข่ปลอดสารเคมี” แห่งบ้านวังส้มซ่าก็สามารถสั่งได้ทาง เพจ facebook : บ้านวังส้มซ่า หรือสอบถามได้ทาง 086-9291745
/////////////////////////
น.ส.ศุภาพิชญ์ ไฝทอง,น.ส.โสรญา คำภักดี, น.ส.ทัศวรรณ รักษา – รายงาน