จับ 2 สามีภรรยา ปลอมซิมมงคลเถื่อน

เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่  9 พ.ย. ชุดลาดตระเวนออนไลน์ (ONLINE PATROL) ของ บก.สส.ภ.2 ได้ตรวจสอบพบคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ใช้เฟสบุ๊ค (facebook)  ชื่อว่า “เบอร์มงคล รหัสเปลี่ยนชีวิต” มีการลักลอบจำหน่ายเบอร์โทรศัพท์ที่มีเลขสวยและมีการลงทะเบียนซิมการ์ดไว้แล้ว  ซึ่งเมื่อทำการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนร้ายจะลักลอบนำข้อมูลของประชาชนที่เคยสั่งซื้อซิมการ์ดกับกลุ่มคนร้าย ไปลงทะเบียนเปิดเบอร์ใหม่อีกจำนวนมาก โดยที่เจ้าของบัตรประจำตัวประชาชนไม่รู้เรื่อง และเมื่อกลุ่มคนร้ายลงทะเบียนด้วยข้อมูลของผู้เสียหายจนถึงกำหนดที่บุคคลคนหนึ่งจะลงทะเบียนเปิดเบอร์ได้แล้วนั้น กลุ่มคนร้ายยังอาศัยการตัดต่อโดยปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนเดิมนั้น เปลี่ยนแปลงข้อมูลเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการรับลงทะเบียน ทำให้สามารถลงทะเบียนสั่งซื้อเบอร์โทรศัพท์ได้อย่างไม่จำกัดด้วยชื่อของผู้เสียหาย และลักลอบขายเบอร์เหล่านั้นให้กับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ประสงค์ลงทะเบียนตามกฎหมาย ในบางรายมีราคาสูงถึง 270,000 บาท (สองแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน) ซึ่งอาจมีกลุ่มมิจฉาชีพซื้อเพื่อนำไปใช้งานทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบได้ยาก สร้างความเสียหายให้สังคม และเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ  อีกทั้งกลุ่มคนร้ายมีประวัติต้องโทษในคดียาเสพติดและอาวุธปืน จึงรายงานให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ทราบ และได้ลงมาควบคุมสืบสวนจับกุมด้วยตนเอง และจากการขยายผลตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในการสร้างความเชื่อมั่น และความปลอดภัยให้กับประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย


โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 นำทีมสืบสวน ร่วมกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมือง พิษณุโลก และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง พิษณุโลก ดำเนินการจับกุมนายอนุวัติ พุ่มมา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ที่ 6 ตำบลปากโทก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลกที่ จ.287/2564 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ผู้ต้องหาที่ 1 และ น.ส.ณภษร ขุนพารเพิง อายุ 33 ปี ที่อยู่ 75/1 หมู่ที่ 4 ตำบลดอนตรอ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลกที่ จ.288/2564 ผู้ต้องหาที่ 2 พร้อมด้วยของกลางคอมพิวเตอร์ CPU จำนวน 1 เครื่อง ตรวจสอบแล้วพบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหาตัดต่อบัตรประจำตัวประชาชน จำนวนประมาณ 15,600 ภาพ เอกสารการลงทะเบียนเปิดเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกปลอมแปลง จำนวน 69 ฉบับบัตรประจำตัวประชาชนปลอม จำนวน 68 ฉบับ ( 68 คน)ซิมการ์ดผ่านการลงทะเบียนแล้วประมาณ 1,500 ซิมการ์ด

โดยกล่าวหาว่า “ ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม , ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตราการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

จากการสอบสวนของชุดลาดตระเวนออนไลน์ (ONLINE PATROL) ของ บก.สส.ภ.2 จัดตั้งตามแนวคิดของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ตรวจสอบพบ เฟสบุ๊ค (facebook) ที่ใช้ชื่อว่า “เบอร์มงคล รหัสเปลี่ยนชีวิต” พบว่าซิมการ์ดที่โพสขาย มีการจดทะเบียนโดยผู้เสียหายโดยเจ้าตัวไม่รู้เรื่อง จึงได้รายงานการสืบสวนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ ผบ.ตร. ร่วมกับบริษัท ผู้ให้บริการ (ขอสงวนนาม) ดำเนินการตรวจสอบ ต่อมาได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง พิษณุโลกร่วมทำการตรวจค้นพบของกลาง ปรากฏตามรายการของกลาง จากการตรวจสอบของกลางมีการตัดต่อปลอมแปลงภาพบัตรประชาชนเป็นเอกสารที่ตกค้างในบ้านพัก จำนวน 54 ใบ และพบข้อมูลส่วนใหญ่ในคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหา ที่มีการตัดต่อบัตรประจำตัวประชาชนไปแล้ว จำนวนมากถึง 10,600 ภาพ และข้อมูลการปลอมแปลงที่ตรวจพบเหล่านั้นตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีตัวตนในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ของทางราชการ เพราะถูกปลอมแปลงข้อมูลในบางส่วน สร้างความเสียหายกับประชาชนจำนวนมาก ถือเป็นภัยต่อความมั่นคง และทางสังคมเป็นอย่างยิ่งที่กลุ่มมิจฉาชีพจะซื้อนำไปใช้การกระทำความผิดคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดประเภทอื่น

โดยชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนเป็นของปลอมโดยซิมเหล่านั้นขายให้กับกลุ่มคนในโลกออนไลน์ผ่าน facebook อาจจะมีกลุ่มมิจฉาชีพมาซื้อโดยยอมรับว่าหมายเลขที่ตนเองขายไปจะถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้างก็ไม่รู้ และจากการสืบสวนพบว่ามีบางเบอร์ขายในราคาสูงสุดถึง 270,000 บาท

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.ภ.2 กล่าวว่า “ขอเตือนภัยประชาชน การซื้อของออนไลน์ เป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ ให้ใช้ความระมัดระวัง หากมีความจำเป็นที่จะต้องส่งข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน ให้ทำการขีดค่อมหรือใส่ข้อความลายน้ำพร้อมระบุข้อความให้ชัดเจนว่าใช้เพื่อการใด อย่าชะล่าใจ อย่าไว้ใจใครในโลกออนไลน์ ด้วยความปราถนาดีจาก ทีมลาดตระเวนออนไลน์ บช.ภ.2”
//////////

แสดงความคิดเห็น