ส.ส.อ๋องร้องผู้ว่าฯตรวจสอบ VIP ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3

จากกรณีมีข่าวเผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดีย ระบุว่ามีบุคคลอ้างว่ามีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของนายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ ไปขอให้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เข็มที่ 3 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 30 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ที่ศูนย์รับฉีดวัคซีน หอประชุมศรีวชิรโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังจากเป็นข่าวแล้วมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าวว่าเป็นเรื่องเท็จจริงหรือไม่ ถือว่าเป็นปมร้อนอยู่ในขณะนี้ เพราะบุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลยก็มี จึงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

ล่าสุด วันที่ 2  ส.ค. 2564  นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก เขต 1 หรือ หมออ๋อง พร้อมสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก แต่เนื่องจากผู้ว่าฯ ติดราชการ จึงมอบหมายให้นายอธิปไตย ไกรราช ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.พิษณุโลก เป็นตัวแทนรับเรื่อง โดยในหนังสือระบุว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกพิจารณาและตรวจสอบ กรณีข้อกล่าวหามีบุคคลหนึ่ง แทรกแซงการได้รับวัคซีนโควิด 19 ของ จ.พิษณุโลก ซึ่งตนได้รับแจ้งข้อมูลข่าวสารของเพจเฟซบุ๊ค และสำนักข่าวใน จ.พิษณุโลก เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการพาดพิงว่าดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มที่ 3 โดยที่ตนไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือบุคลากรทางการแพทย์ และมีการร้องเรียนถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สร้างความลำบากให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข การกระทำดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความกังวลจากบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนในเรื่องของการฉีดวัคซีน เนื่องจากประชาชนและบุคลากรด่านหน้าหลายคนยังไม่ได้รับวัคซีนเพียงพอ และอยู่ในความเสี่ยงจากการติดเชื้อในการปฏิบัติหน้าที่ทุกวัน มากกว่านั้นประชาชนทุกฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจและไม่พอใจ เกิดการตั้งคำถามถึงจังหวัดพิษณุโลก ว่าทำไมจึงมีการจัดสรรวัคซีนโดยไม่เป็นธรรมและไม่ทั่วถึง ประชาชนส่วนใหญ่เกิดความเศร้าและสิ้นหวังที่ตนเองและลูกหลาน เพื่อนฝูง ที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนยังไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วน บางคนยังไม่เคยรับเลยแม้แต่เข็มเดียว แต่กลับมีคนสามารถนำชื่อและตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับผู้ว่าราชการจังหวัดไปขอวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับตนเองได้

จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ดำเนินการตรวจสอบดำเนินการ และชี้แจงผลกลับมาในเรื่องดังต่อไปนี้ คือ 1.จังหวัดพิษณุโลกมีนโยบายการจัดหาและกระจายวัคซีน ทั้งเข็มที่หนึ่งและเข็มกระตุ้นภูมิอย่างไร จัดสรรให้บุคลากรทางการแพทย์เพียงพอหรือไม่ ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ 2.กรณี แอบอ้างตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวในการับวัคซีน เป็นความจริงหรือไม่ และถือเป็นการประพฤติผิดทางวินัยร้ายแรงอันเป็นเหตุสมควรต่อการดำเนินการเอาผิดทางวินัยหรือไม่ อย่างไร 3.จากกรณีบุคคลนี้  มีกรณีบุคคลที่แอบอ้างเช่นนี้ ใช้อำนาจแทรกแรงการรับวัดซีนโดยไม่เป็นธรรมอีกหรือไม่ ทางจังหวัดมีแนวทางแก้ไขและป้องกันอย่างไร ในฐานะตัวแทนพี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลก จึงต้องการให้มีการคำเนินการตรวจสอบและต้องดำเนินการเพื่อความถูกต้อง และเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนในจังหวัดพิษณุโลกเป็นสำคัญ

 

ด้าน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก เขต 1 กล่าวว่า ที่ตนเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกในวันนี้ จะถูกฟ้องกลับหรือไม่นั้น ตนก็ไม่รู้จะถูกฟ้องกลับในเรื่องใด ถ้าจะฟ้องกลับตนก็ไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะจริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง เพราะตนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลกก็มีหน้าที่ในการตรวจสอบ เพราะมีประชาชนเคลือบแคลงใจและสงสัยเป็นจำนวนมาก ว่าใครควรจะต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ตนจะไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นใน จ.พิษณุโลก ที่ผ่านมาผู้ว่าฯ ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการบริหารสถานการณ์โควิด 19 แต่ถ้าปล่อยให้มีการแทรกแซง ปล่อยให้มีการใช้อำนาจหน้าที่หรือใช้เส้นสายในการเข้ารับการฉีดวัคซีน เรื่องนี้เรายอมไม่ได้ ผู้ว่าฯ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ต้องออกมาตอบคำถามของชาวพิษณุโลก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้อีก

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์ไปยัง บุคคลในประเด็นข่าว  เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องไปขอฉีดวัคซีนเข็ม 3 เนื่องจากตนเองทำงานด่านหน้ามาโดยตลอด นำสิ่งของต่างๆ จากการบริจาคมามอบให้กับจุดคัดกรอง หรือโรงพยาบาลสนามมาโดยตลอด ด้วยความเป็นผู้สูงอายุที่ผ่านมาการฉีดวัคซีนนั้น ตนเองมีคิวที่จะฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอยู่แล้ว แต่เนื่องจากช่วงแรกๆ ประชาชนออกมาฉีดวัคซีนน้อย ตนจึงมาช่วยรณรงค์ให้ประชาชนหันมาฉีดวัคซีนให้มากขึ้น ด้วยการไปฉีดวัคซีนซิโนแวคแทนทั้ง 2 เข็ม แต่มีแพทย์มาบอกตนเองว่าการเป็นผู้สูงอายุ ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม นั้นไม่ดี อาจเสี่ยงต่อภูมิคุ้มกันเหลือน้อย เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ ตนจึงได้ขอเข้าไปฉีดวัคซีนเข็ม 3 ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าไปแอบอ้างว่าเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกบ้าง หรือไปบีบบังคับบุคลากรทางการแพทย์นั้นก็ไม่จริงแต่อย่างใด ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเป็นคนอ้างใครอยู่แล้ว โดยเฉพาะการทำงานก็ทำด้วยใจและทำเพื่อสังคมมาโดยตลอด.

//////////////////

แสดงความคิดเห็น