เมื่อเวลา 14.30 น.ของวันที 24 มิ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าของคดี นร.ชั้น ม.3 แทง กัน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ล่าสุดในคดีขณะนี้ ร.ต.อ.วิชัย พรมรักษา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ได้เรียก ผู้ปกครองของฝ่ายผู้ได้รับบาดเจ็บมาทำการสอบสวน เพื่อรวบรวบพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดี
ด้านนางส้ม ( นามสมมติ ) มารดาของน้องต้นน้ำได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะมาพบพนักงานสอบสวน ตนได้นำของใช้ส่วนตัวของลูกชายไปมอบให้กับพยาบาลเพื่อฝากไปให้ลูกชาย เพราะช่วงนี้ในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทางโรงพยาบาลงดเยี่ยมทุกกรณี ตนทำได้เพียงฝากพยาบาลนำโทรศัพท์มือเข้าไปให้ลูกชาย ได้วิดีโอคอล ผ่านโทรศัพท์ แค่เพียงตนได้เห็นหน้าลูกชาย ก็ดีใจแล้วแม้เพียงเวลาเล็กน้อย แต่มองเห็นหน้าตาลูกสดใสขึ้น อาการของลูกดีขึ้นตามลำดับ แต่ด้วยความที่ลูกงดน้ำงดอาหาร เพราะเข้ารับการผ่าตัดจึงทำให้น้องยังพูดมากไม่ได้ จะทำได้แค่เพียงตอบรับเป็นคำสั้นๆ เท่านั้น ส่วนเรื่องนอกเหนือจากนี้ตนยังไม่ได้ถามอะไรลูกมากเพราะลูกยังตอบลำบากจึงอยากให้ลูกได้พักให้ร่างกายพร้อมก่อน
ส่วนเรื่องของทางรูปคดีก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายในวันนี้ได้ยินกระแสข่าวว่าทางโรงเรียนได้ทำการไล่น้องคู่กรณีออกแล้ว ตนก็ขอขอบคุณทางโรงเรียนที่พยายามแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเข้าใจดีว่าเหตุการณ์นี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่ว่ากับโรงเรียน หรือกับลูกหลานใครทั้งนั้น ส่วนทางด้านคู่กรณีตนก็ได้พบคุณแม่ ปู่ ย่า ของคู่กรณีบ้าง ก็ได้พูดคุยกันบ้างทางฝั่งเขาก็เสียใจและขอโทษกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วตัวแม่เองขอบอกตรงนี้เลยว่า ตนไม่ได้โกรธได้เกลียดอะไรคู่กรณีทั้งนั้น เพราะอย่างน้อยเขาทั้ง 2 คนก็เป็นเพื่อนกันมาจนเข้าปีที่ 3 แล้ว ไม่ว่าสาเหตุลึกๆ จะเกิดจากลูกของแม่(น้องต้นน้ำ) ไปแกล้ง ไปรังแก อะไรคู่กรณีหรือเปล่า หรือสาเหตุเกิดจากอะไร แม่ก็ไม่โกรธและอยากให้เขาทั้ง 2 คนได้เจอกัน(ถ้าเป็นไปได้) ส่วนตัวของแม่เองบอกตรงๆว่าตั้งแต่เกิดเหตุก็ยังไม่เคยได้พบตัวคู่กรณีของลูกเช่นกัน พบเพียงแต่ผู้ปกครอง แม่ก็หวังว่าอยากจะได้พบคู่กรณีของลูก อยากสอบถามสาเหตุของการเกิดเหตุเพียงเท่านั้นจริงๆ ส่วนในเรื่องอื่นๆ แม่ไม่โกรธ แม่ให้อภัย ขอแค่ลูกชายของแม่ได้หายดีกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ก็เท่านั้น
ด้านพ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ออกมาตรการป้องปราบ โดยจะจัดชุดสายตรวจไปตามสถานศึกษาต่างๆ เพื่อตรวจตราสังเกต และขอความร่วมมือกับทางสถานศึกษาทุกแห่ง ให้ช่วยคอยสังเกตตรวจตรา สอดส่อง พฤติกรรมเด็กในแต่ละกลุ่ม ว่าจะมีพฤติกรรมส่อในทางการทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันหรือไม่ หากพบมีการรวมกลุ่ม หรือส่อไปในทางที่อาจจะเกิดเหตุอันตรายแก่เด็ก ก็ให้รีบแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะจัดชุดสายตรวจเข้าไปตรวจสอบ เพื่อเป็นการยับยั้ง การเกิดเหตุอันตรายได้
/////////////////////////