เมียอุ้มรูปร่ำให้ขาดเสาหลักครอบสามีถูกยิงดับกลางป่าแต่คดีไม่คืบหน้า

เมียร่ำไห้โฮ วอนผบ.ตร.ช่วยคลี่คดี ผัวโดนยิงดับขณะเข้าป่า ยังจับคนผิดไม่ได้ เผยขึ้นเขาไปล่าสัตว์แต่เพื่อนอ้างถูกหมูป่ากัดตาย ผลชันสูตรระบุถูกยิงกระสุนฝังในเมื่อวันที่ 4 มิ.ย..64  ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นางเมือง ขันอ่อน อายุ 58 ปี ชาว อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก พร้อมญาติพากันมาขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานราชการ  เนื่องจากสามีถูกยิงเสียชีวิตกลางป่า แต่คดีไม่มีความคืบหน้า  โดยนำหลักฐานมามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ไว้ตรวจสอบข้อมูล  โดยได้ยื่นข้อมูลรายละเอียดกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก  เพื่อช่วยตรวจสอบเร่งรัดคดี หลังเคยไปพบเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ ในพื้นที่อำเภอชาติตระการ  แต่ไม่ได้รับความกระจ่างและให้ความเข้าใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย  จึงต้องบากหน้าเข้าตัวจังหวัด เพื่อพบกับผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง  ที่จะสามารถช่วยเหลือหรือตอบคำถามให้ให้เกิดความพึ่งพอใจได้หลังจากนั้นครอบครัวและญาติของนางเมือง ขันอ่อน ได้เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก  เพื่อเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก  โดยมี พ.ต.อ.อุบล กันทะเขียว ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้รับเรื่องดังกล่าว  เพื่อเสนอเรื่องไปที่ ผบก.จว.พิษณุโลกอีกครั้งนางเมือง เปิดเผยว่า ตนเป็นภรรยาของนายโอไร ขันอ่อน อายุ 58 ปี  ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตอยู่กลางป่าบนเขาแม่รัก หรือเขาหลักเหว้า ท้ายหมู่บ้านขอนสองสลึง หมู่ 2 ต.ท่าสะแก อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ห่างจากตัวหมู่บ้านประมาณ 9 กิโลเมตร  หลังจากสามีเดินทางไปล่าหมูป่ากับเพื่อนบ้านคนหนึ่ง ที่มีความสนิทสนมกัน  และชอบชักชวนกันไปล่าหมูป่ามานานหลายปี  ทุกครั้งที่เข้าป่าสามีและเพื่อนบ้านคนดังกล่าว จะนำปืนลูกซองยาวไปคนละ 1 กระบอก  เพื่อใช้เป็นอาวุธยิงหมูป่า นางเมือง กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ วันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อนบ้านคนเดียวกันได้โทรมาชวนสามีขึ้นไปล่าหมูป่าบนเขา เพียง 2 คน  กระทั่งเวลาผ่านไปจนช่วงค่ำ  สามีโทรกลับมาหาตนบอกว่าอยู่บนเขากับเพื่อนบ้านเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่คุยโทรศัพท์ ทางสามีพูดขึ้นมาว่า เพื่อนคนดังกล่าว กำลังเดินมาหาที่จุดสามียืนอยู่  ซึ่งทางสามีได้ ปิดโทรศัพท์เสียก่อน  ถ้าสามียังเปิดโทรศัพท์อยู่ ตนจะได้ยินเสียงตอนนั้นว่าเกิดอะไรแน่นอน กระมั่งเวลาผ่านไปประมาณ 2 ทุ่มเพื่อนสามีได้โทรมาตน  พร้อมกับให้ตนกับลูกชายขึ้นไปบนเขา  โดยสั่งห้ามบอกใครเด็ดขาด  ตนจึงปฏิเสธไปบอกว่ากลัว  และช่วง 4 ทุ่มเพื่อนสามียังโทรกลับมาหาตนอีกครั้ง  เพื่อจะพยายามให้ตนกับลูกชายขึ้นไปบนเขาให้ได้   ตนได้ปฏิเสธเหมือนเดิมภรรยาผู้ตาย กล่าวว่า  ก่อนสามีของตนเคยสั่งเอาไว้ก่อนจะขึ้นเขาไปกับเพื่อนบ้านคนดังกล่าว บอกตนว่าอย่าขึ้นไปเขาเด็ดขาด  ถ้าตามไปบนเขาจะตายอย่างเดียว  สามียังกำชับอีกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น  ไม่ใช่ถูกหมูกัดหรือปืนลั่นแน่นอน  ตนพยายามห้ามสามี  แต่สามีไม่เชื่อ  บอกว่าจะวัดใจกับเพื่อนบ้านคนนี้  ส่วนจะมีเรื่องผิดใจอะไรกันตนไม่รู้  เพราะทั้งสองคนเป็นพรานป่าด้วยกัน และไปล่าหมูป่าด้วยกันเสมอ  กระทั่งหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เพื่อนสามีโทรมาหาตนบอกว่า สามีถูกหมูกัดตายเป็นแผลเหวอะหวะ   กระทั่งตนมาทราบจากหมอที่โรงพยาบาลหลังทำการชันสูตรศพพบว่า สามีถูกยิงกระสุนฝังในเสียชีวิตนางเมือง ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า  ตนเคยไปสอบถามความคืบหน้าที่  สภ.ชาติตระการ แต่ไม่รับความสนใจหรือให้ความกระจ่าง และความคืบหน้าของคดี  นอกจากนั้นยังเคยไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอชาติตระการ  แต่กลับถูกทางเจ้าหน้าที่บอกไม่ต้องพูดอะไรมาก ขอให้อยู่เฉยๆ  ทำให้ตนสงสัยมากว่าทำไม สามีตนถูกยิงเสียชีวิตทั้งคน แต่ไม่มีใครให้ความสำคัญ  แม้กระทั่งหมายังมีกฎหมายคุ้มครองเลย นี้คนตายแท้ๆกลับไม่รับความเป็นธรรม  ขอวิงวอนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก  ช่วยลงมาดูคดีให้ตนด้วยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 64 พบศพนายโอไร ขันอ่อน อายุ 58 ปี ชาวบ้าน หมู่ 9 บ้านหนองบัวขาว ต.ท่าสะแก อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก นอนเสียชีวิตคว่ำหน้าอยู่ในป่า ทางเพื่อนที่ไปด้วยอ้างถูกหมูป่ากัดตาย  แต่หลังเจ้าหน้าที่ได้นำศพไปชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก พบว่าถูกยิงกระสุนฝังในเสียชีวิต ทางภรรยาและญาติต่างเคลือบแคลงใจเกี่ยวกับการเสียชีวิตครั้งนี้  เนื่องจากผู้เสียชีวิตเข้าไปในล่าหมูป่ากับเพื่อนบ้านคนหนึ่ง  แต่หลังเกิดเหตุกลับไม่มีความคืบหน้าทางด้านคดี

แสดงความคิดเห็น