วันที่ 5 ม.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสถานการณ์โควิดกลับมาระบาดหนัก รอบที่ 2 ส่งผลให้ประชาชนเข้าไปดู app Away Cocid 19 ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่น เตือนก่อนเข้าพื้นที่มีเคส หรือพื้นที่เสี่ยงของการแพร่ระบาดโควิดกันจำนวนมาก นายชิงชัย หุมห้อง project manager บริษัท Mapedia ซึ่งเป็นบริษัทเวปไซด์ในจังหวัดพิษณุโลก และพัฒนาแอปพลิเคชั่น Away Cocid 19 ทางแพทฟอร์มไลน์ จนได้รับความนิยม มีประชาชนใช้แอปจำนวนกว่า 3 ล้านไอดีไลน์ เปิดเผยว่า แอปพลิเคชั่น Away covid-19 มีจุดเริ่มต้นของแอพพลิเคชั่น ที่ช่วงโควิด ระบาดครั้งแรก และต้อง work from home ซึ่งเราได้คิดกันว่า เราน่าจะพัฒนา App เพื่อเตือนประชาชนให้รู้จักพื้นที่เสี่ยงในการแพร่ระบาดของโควิด โคยที่บริษัทเราก็ผลิตเวปไซด์อยู่แล้ว เราสร้างเพียงวันเดียว และวันที่ 23 มีนาคม 2563 ก็ปล่อยให้ประชาชนได้โหลดนำไปใช้ทางแอปพลิเคชั่นไลน์ เบื้องต้นต้องการทำให้คนที่พิษณุโลก ทราบก่อนว่าจุดเสี่ยงหรือพื้นที่ระบาดในจังหวัดของตัวเอง แต่หลังจากปล่อยไปได้ไม่นาน ก็ขยายทั้งประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้ออกจากบ้านแล้วทราบว่าพื้นที่ไหนบ้างมีการแพร่ระบาดของโควิด เพื่อป้องกันการเดินเข้าไปสัมผัสได้ โดยข้อมูลทั้งหมด ได้เชื่อมโยงกับกระทรวงสาธารณสุข ที่ประกาศพื้นที่และการแพร่ระบาดโควิด และตำแหน่งต่างๆ จากนั้นก็มาช่วยกันอัพข้อมูลให้ประชาชนได้ทราบกันทุกวัน ทุกชั่วโมง
นายธีระยุทธ อินทร์จันทร์ programmer หรือนักพัฒนาโปรแกรม กล่าวว่า ปัจจุบัน เรามีทีมงาน อยู่ด้วยกัน 5 คนการช่วยพัฒนาและอัพเดทข้อมูล ให้กับประชาชนได้ทราบถึงการแพร่ระบาดโควิด และจุดเสี่ยง หรือการเกิดโควิดในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีประชาชนได้เข้ามาสอบถามไลน์ วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 100-200 ราย ส่วนผู้เข้ามาดูแอปพลิเคชั่นนั้น ในช่วงนี้ไม่ต่ำกว่า 5 แสนไอดีไลน์ ซึ่งถือว่ามากกว่าการแพร่ระบาดในรอบแรก โดยในแรกของการแพร่ระบาดนั้นมีสมาชิกมาดูข้อมูลในแอปพลิเคชั่น เพียง 1.6 ล้านไอดีไลน์ แต่ในการแพร่ระบาดรอบ 2 ตั้งแต่ก่อนปีใหม่นั้นมีผู้โหลดและสมัครเข้ามาใช้แอปพลิเคชั่นไลน์ แล้ว 3 ล้านกว่าไอดีไลน์ แต่ละวันจะเข้ามาดูข้อมูลพื้นที่เสียงของการแพร่ระบาดกัน กว่า 5 แสนไอดีไลน์ ถือว่ามาก ทางนักพัฒนาแอปพลิเคชั่น ได้สำรองข้อมูลเซิฟเวอร์ไว้ เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาดูข้อมูลได้ทีละมากได้ อนาคตก็จะพัฒนาให้อัพเดทข้อมูลได้เยอะ สามารถรับได้ถึง 10 ล้านไอดีไลน์ โดยที่ทางเราจะบริการโดยไม่มีค่าบริการใดๆจนกว่าโรคโควิดจะหมดไป
///////////////