เมื่อเวลา 03.01 น. วันที่ 21 ธันวาคม 2563 ร.ต.อ. สมาน พรมประดิษฐ พนักงานสอบสวน สภ.อ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีเหตุเพลิงลุกไหม้บ้านเรือนประชาชนที่บริเวณ ม.14 บ.เนินสะอาด ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรีบประสาน รถน้ำรถดับเพลิง จำนวน 5 คัน จาก อบต.ชมพู อบต.ท่าหมื่นราม อบต.ดินทอง อบต.หนองพระ อบต.พันชาลี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพา รุดไปตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ พบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้าน 2 ชั้น ครึ่งตึกครึ่งไม้อย่างรุนแรง ท่ามกลางอากาศหนาวชาวบ้านต่างช่วยกันพยายามนำน้ำมาช่วยกันดับ ประกอบขณะเกิดเหตุมีลมหนาวพัดอยู่ตลอดเวลา ทำให้เพลิงโหมกระหน่ำลุกไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่พยายามฉีดน้ำควบคุม แต่เพลิงได้ลุกลามขยายวงกว้างไปติดบ้านข้างเคียงและลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถฉีดน้ำควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ โดยพบว่าเพลิงได้ลุกไหม้บ้านพักวอดเสียหายจำนวน 2 หลัง โดยหลังแรกบ้านต้นเพพลิงเป็นบ้านของนายธนูสิทธิ์ จันคำเรือง อายุ 68 ปี บ้านเลขที่ 19 ม.14 ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เพลิงได้ลุกไหม้เสียหายวอดทั้งหลัง ส่วนบ้านหลังที่ 2 ที่ปลูกติดกันนั้น เป็นบ้านของนางละเอียด เศษสูงเนิน อายุ 66 ปี เลขที่ 204 ม.14 ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเบื้องต้นทราบจากเด็กหญิงชัญญา จันคำเรือง อายุ 10 ปี เปิดเผยว่าขณะที่ตนนอนหลังอยู่ในห้องนอนนั้นจู่ๆได้กินเหม็นไหม้ เมื่อลืมตาก็พบเพลิงกำลังลุกไหม้จากปลักไฟที่อยู่ในห้องและมีเปลวเพลิงลุกไหม้ ก่อนที่จะลุกลามอย่างรวดเร็วขึ้นไปยังหลังคาบ้าน และลุกลามไปยังห้องข้างเคียงอย่างรวดเร็ว ตนจึงรีบตะโกนเรียก พ่อและแม่ที่นอนอยู่ห้องติดกัน และรีบพากันวิ่งหนีตายออกมา และพยายามไปร้องเรียกตะโกนให้เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันให้รีบออกมาจากบ้าน ก่อนที่เพลิงจะลุกไหม้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับรีบโทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจาก กระแสไฟฟ้าลัดวงจรจนเป็นเหตุให้เกิดประกายไฟจนติดสายไฟและลุกลามติดบ้านเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ค่าเสียหายในเบื้องต้นน่าจะไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งจะได้ประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้อย่างระเอียดอีกครั้งต่อไป.