สุดสะเทือนใจจัดงานศพ พ่อ แม่ ลูก ขับรถกระบะถูกชนดับยกคันจุดยูเทิร์นหน้าม.พิษณุโลก

จากกรณี วันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุมมีรถกระบะพุ่งชนกัน บนถนนเส้นเลี่ยงเมืองสี่แยกอินโดจีนมุ่งหน้าสี่แยกวัดสะกัดน้ำมัน บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยพิษณุโลก หมู่ 5 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก ส่งผลทำให้ครอบครัวของ นายจำเนียร  ฤทธิ์ล้ำ อายุ 50 ปี นางสำอางค์  ฤทธิ์ล้ำ อายุ 46 ปี และนายเนวัฒน์ ฤทธิ์ล้ำ อายุ 23 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นพ่อแม่ลูกกัน ถูกแรงอัดกระแทกจนกระเด็นออกมาเสียชีวิตนอกรถทั้งหมด ส่วนคนขับรถกระบะคู่กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนสาเหตุคาดว่าระหว่างที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตกำลังจะเลี้ยวยูเทิร์นนั้น มีรถกระบะขับมาด้วยความเร็วสูงจึงไม่สามารถเบรครถได้ทันจึงทำให้พุ่งชนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว

ล่าสุด วันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดวังพิกุลวราราม หมู่ 2 บ้านวังพิกุล ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ญาติๆ และชาวบ้าน ได้ช่วยกันจัดเตรียมศาลาภายในวัดเพื่อรอรับร่างของผู้เสียชีวิต คือ นายจำเนียร  ฤทธิ์ล้ำ อายุ 50 ปี นางสำอางค์  ฤทธิ์ล้ำ อายุ 46 ปี และนายเนวัฒน์ ฤทธิ์ล้ำ อายุ 23 ปี พ่อแม่ลูก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถานได้นำร่างมาส่งจากแผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อประกอบพิธีรดน้ำศพท่ามกลางชาวบ้านในพื้นที่ที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาร่วมพิธีกันเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้าเสียใจ พร้อมกับช่วยกันตั้งโลงศพจำนวน 3 โลง ของ พ่อ แม่ ลูก อยู่เรียงกันบนศาลาเป็นภาพที่น่าเวทนาสงสารและหดหู่ใจแก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก

ด้าน นายนวม ฤทธิ์ล้ำ อายุ 58 ปี พี่ชายของนายจำเนียร  ฤทธิ์ล้ำ ผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เมื่อวานก่อนเกิดเหตุน้องชายได้ขับรถกระบะมาพร้อมกับครอบครัว และแวะพูดคุยกับตนที่หน้าบ้าน ตนเองก็ไถ่ถามว่าจะไปไหน ซึ่งน้องชายบอกว่ากำลังจะขับรถไปซื้อน้ำมันเพื่อใส่เครื่องตัดหญ้า และจะไปตัดหญ้าให้ควายกินที่เลี้ยงไว้จำนวน 15 ตัว จนกระทั่งต่อมาตนเองมาทราบข่าวว่าน้องชายขับรถไปประสบอุบัติเหตุถูกชนกับรถกระบะขนส่งบริเวณจุดยูเทิร์นด้านหน้ามหาวิทยาลัยพิษณุโลก ตอนแรกก็คิดว่าบาดเจ็บเล็กน้อยไม่เป็นอะไรมาก แต่พอตนเองไปดูที่เกิดเหตุถึงกับเข่าอ่อน เมื่อพบว่าน้องชายและภรรยาพร้อมกับลูกชายคนโตเสียชีวิตด้วยกันทั้งหมด ขณะนี้ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องมาสูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ นอกจากนี้หลานชายอีก 2 คน ต้องมากำพร้าพ่อและแม่และพี่ชายคนโต คือ น้องซัน อายุ 19 ปี กับ น้องซิน อายุ 16 ปี ที่กำลังอยู่ในวัยเรียนหนังสือ ต่อไปนี้ตนเองก็ต้องช่วยกันดูแลหลานแทนพ่อและแม่ของเขา ช่วยกันประคับประคองกันไปก่อน และเชื่อว่าวันนี้ที่น้องชายตนแวะมาหาที่บ้านมาคุยด้วยเหมือนเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้าย น้องชายเป็นคนดีมากๆ ชาวบ้านในพื้นที่มีแต่คนรัก เพราะชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่เป็นประจำ ขณะนี้คู่กรณีได้ติดต่อมาแล้วว่าจะเข้ามาฟังสวดพระอภิธรรมศพเป็นคืนแรก พร้อมกับจะมอบเงินเยี่ยวยาช่วยเหลือในเบื้องต้นให้ก่อนจำนวนหนึ่งอีกด้วย ส่วนเรื่องของคดีความก็ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้าน นางลำไย ฤทธิ์ล้ำ อายุ 88 ปี แม่ของ นายจำเนียร  ผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยความโศกเศร้าเสียใจว่า ปัจจุบันตนเองก็แก่มากแล้วและเดินไม่ได้ ก็มีแต่นายจำเนียรที่คอยดูแลปรนนิบัติ คอยอุ้มไปอาบน้ำให้ หาข้าวหาปลาให้กินทุกวัน ส่วนลูกๆ คนอื่นๆ ก็แยกย้ายไปมีครอบครัว แต่ก็ไม่ได้ทอดทิ้งก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอยู่เป็นประจำ เมื่อวานรู้ข่าวจากชาวบ้านตอนแรกก็ไม่เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่ที่ไหนได้เป็นเรื่องจริง ที่ต้องมาสูญเสียลูกชาย ลูกสะใภ้ และ หลานชายคนโต พร้อมๆ กัน เมื่อคืนตนก็นอนไม่หลับทั้งคืน หลับตาก็คิดถึงแต่ลูกแต่หลาน เพราะเป็นคนขยันทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวและดูแลแม่ที่แก่ชรา สุดท้ายคงต้องไปอยู่กับลูกสาวอีกคนที่จะเป็นคนดูแลตนเองต่อไป.

///////////////////////////////////////////////////////

แสดงความคิดเห็น