5 จังหวัดขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคเหนือตอนล่าง 1

วันที่ 21 กันยายน 2563 ที่ห้อง 209 อาคารเอกาทศรถ มหาวิทยาลัยนเรศวร ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง  จ.พิษณุโลก ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้อำนวยการภารกิจ การจัดทำแผนงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เป็นประธานการประชุมเรื่อง “การขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษ ภาคเหนือตอนล่าง 1 ” โดยมี นายเกษมสันต์ มีทิพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล แบบบัญชีรายชื่อพิษณุโลก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรธร บุณยรัตพันธุ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร นายวุฒิชัย โรจน์ทิพยรักษ์  ประธาน LIMEC ประเทศไทย  พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สกสว. มหาวิทยาลัยนเรศวร สส. นายก อบจ. สภาอุตสาหกรรม หอการค้า ในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์

นายเกษมสันต์ ทิพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล แบบบัญชีรายชื่อพิษณุโลก กล่าวว่า การผลักดันงานที่ทำมาแล้วให้เคลื่อนที่และเกิดความยั่งยืน   ซึ่งจากผู้แทนทุกคนมีความคาดหวังในการทำให้ภาคเหนือตอนล่าง 5 จังหวัดเกิดการพัฒนา มีความอยู่ดีกินดี มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ ซึ่งได้แรงสนับสนุนจากภาควิชาการจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ทั้งนี้ LIMEC ที่มีการดำเนินงานการจัดประชุมเชื่อมโยงมายังภูมิภาคต่าง ๆ ที่ต้องการให้เกิดศักยภาพการเติบโตขึ้น ซึ่งศักยภาพของ LIMEC ไม่ได้มีข้อด้อยและสามารถทำได้ทันทีในรูปแบบของการออกร่างกฎหมายของคนในพื้นที่ ให้ยกระดับด้านเกษตร ด้านการท่องเที่ยว และด้านอื่น ๆ ให้มีกฎหมายรองรับ ซึ่งมีกระบวนการออกกฎหมาย 3 ทาง ก็คือ 1. 2.สส เป็นผู้ดำเนินการร่าง 3. ประชาชนลงชื่อไม่ต่ำกว่า 10,000 คนในข้อดังกล่าวอาจจะยากกว่าข้ออื่น ๆ ซึ่งหากมองถึงโอกาสความสำเร็จในการร่างพรบ.คือการเสนอร่างญัตติ เพราะว่าทางพื้นที่ของเรามีคณะรัฐมนตรี จำนวน 2-3 คนและการเสนอและยื่นญัตติมากเท่าไหร่ก็จะดีมากขึ้นเท่านั้น  ประเด็นการขับเคลื่อนในสภาอยากให้ทุกภาคส่วนช่วยกันประกาศ บอกกล่าว ถึงความต้องการของเราให้แก่บุคคลภายนอกและผู้ที่มีอำนาจในการที่จะอนุมัติงบประมาณโครงการให้พวกเราและพวกเราควรจะมีการประชุมร่วมกันบ่อยมากขึ้นในการอัพเดทข้อมูลข่าวสารด้านการร่างพรบ.

ด้าน  ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้อำนวยการภารกิจ การจัดทำแผนงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)  กล่าวว่า สกสว.ได้งบประมาณเข้ามาจำนวนเงิน 5 ล้านบาท ซึ่งต้องเกิดจากการระดมการทำงานจากภาควิชาการหลากหลายสาขาและทำให้เป็นพื้นฐาน ภายใน 8 เดือนของงบประมาณปี 63 ซึ่งหากมีงบประมาณปี 64 ก็จะได้เงินสนับสนุนเข้ามาเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ สกสว.ยินดีให้การต้อนรับและพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ศักยภาพทางภาคเหนือตอนล่าง 1 เราต้องนำศักยภาพที่มีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นด้านเกษตรกร การท่องเที่ยวเชิงเกษตรกร การส่งเสริมอาชีพให้มีความเข้มข้นขึ้น การจัดโซนพื้นที่ในการเพาะปลูกและส่งเสริมด้านการตลาด ซึ่งหากสามารถทำประเด็นดังกล่าวได้จะส่งผลดีและโอกาสของภาคเหนือตอนล่าง 1 เนื่องจากเรามีจุดแข็งมากมายด้านการเกษตรที่จะนำเสนอให้กับความต้องการของสินค้าเกษตรต่อไป ทั้งนี้ในส่วนของภาครัฐบาลก็ต้องมีการรับรู้กระบวนการทำงานด้วยประเด็นภาคการเกษตรในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ประเด็นภาคอุตสาหกรรม ประเด็นการค้าชายแดน  ประเด็นโลจิสติกส์ เพื่อให้เกิดการผลักดันในภาพรวม และทางภาคสมาคมองค์การบริหารจังหวัดของภาคเหนือก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่

นายฐิติ  วิศวชัยวัฒน์  ตัวแทนหอการค้า จ.พิษณุโลก  กล่าวว่า  มีภาคเอกชน ภาคการศึกษา ในส่วนของ LIMEC ซึ่งสิ่งที่เรากำลังมุ่งไปถึงการสร้างเขตพัฒนาพิเศษ ให้มีความแหลมคมทางด้านเกษตรกร อาหารให้เกิดความปลอดภัยและกระจายไปอยู่ในประชาชนมากที่สุด แต่ทั้งนี้ภาคกิจกรรมที่ LIMEC ทำเดิมอยู่แล้วค่อนข้างจะครอบคลุม แต่ในส่วนของการตั้งคณะกรรมการพัฒนาดังกล่าวต้องมีการตั้งและดึงหน่วยงานภาคท้องถิ่นเข้ามาเพราะทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ทั้งนี้ก่อนอื่นจะถึงขั้นตอนการร่าง พรบ.ได้อย่างไร ต้องทำให้เห็นก่อนว่าจุดแข็งในภาค 5 จังหวัดว่าผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นคืออะไร ให้มีความแหลมคมมากขึ้น ซึ่งภาคเกษตรหรือภาคอาหารหากมองว่าเป็นมุมมองเชิงปัญหาแต่ถ้าหากเรามองกลับด้านจุดแข็ง เราต้องนำมาคิดว่า อะไรเป็นจุดแข็งที่เรามี เราควรทำให้เกิดความชัดเจนกันมาก อะไรที่อยากเห็น อะไรที่อยากจะเป็น โดยต้องตอบประเด็นนี้ให้ได้ก่อน ทั้งนี้การตั้งคณะกรรมการไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต้องโฟกัสว่าทิศทางที่เรามองตอนนี้ คืออะไร ทำไม อย่างไร

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรธร บุณยรัตพันธุ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่าในกรณีพื้นที่ภาคเหนือเรื่องการเขียนร่างพรบ.ไม่ยากแต่จะยากในส่วนของการผลักดัน ซึ่งรัฐจะมองถึงการลงทุน การคุ้มค่าทางด้านการลงทุน ซึ่งโจทย์การทำต้องมีความชัดเจน ทั้งนี้ก็ก็มีความชัดเจนในระดับหนึ่งแต่ทั้งนี้พื้นที่ภาคเหนือมีศักยภาพอยู่แต่มันมีผลเรื่องของการยากจนและEconomic gross ยังต่ำอยู่ ทั้งนี้เราควรจะมองว่า พื้นที่พิเศษภาคเหนือตอนล่าง 1  ดังกล่าวเราควรจะทำอะไร แล้วนำเอาข้อมูลใส่ลงไป เช่น ด้านเกษตรกับท่องเที่ยวหรือไม่ เกษตรกับการค้าชายแดนหรือเปล่า ซึ่งต้องมองเป็นเครื่องมือและใส่คอนเท้นเข้าไป และเรื่องของ Bio economy เป็นเรื่องหลักของพื้นที่โดยในด้านการยกระดับสินค้าแปรรูปไปที่ประเทศเพื่อนบ้านต้องการ ทำให้เขาเกิดความต้องการ ซึ่งการทำแผนพัฒนาต้องทำเป็นสองส่วนคือ ผลักดันเครื่องมือให้เกิด สองคือสร้างคอนเท้นให้ตอบโจทย์กับเครื่องมือในประเด็นที่ 1 เพื่อให้สอดคล้องและชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งที่ต้องมีความชัดเจนก็คือ เรื่องของเวลา ที่เราต้องการเมื่อไหร่ อย่างไรบ้าง ซึ่งปี 2565 มีความสำคัญซึ่งต้องผลักดันเชื่อมโยงประเด็นดังกล่าวไปอยู่ในแผนอย่างไรให้ได้ ซึ่งถ้าอยู่ในแผนจะทำให้ง่ายขึ้น การเชื่อมโยงของเข้าถึงแผนจะทำให้ง่ายขึ้น แต่ในด้านการเสนอแผนงานไม่น่าจะมีความคล้ายคลึงกับ EEC หากจะผลักดันก็ต้องมาถึงเรื่องของความมั่นคง ทำความเข้าใจกับฝ่ายรัฐบาลให้มากขึ้น นำเงินลงทุนเข้ามาพัฒนาใน 5 จังหวัด เราต้องนำจุดเด่นนี้เข้ามาพัฒนา  การทำเขตพัฒนาพิเศษ ไม่ได้ทำเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งในประเด็นดังกล่าวนี้ จะให้เกิดในพื้นที่ให้ได้อย่างไร

นายวุฒิชัย โรจน์ทิพยรักษ์  ประธาน LIMEC ประเทศไทย  กล่าวว่า ประเด็นการทำเขตพัฒนาพิเศษ หากสามารถทำได้เราจะได้ความใส่ใจในการทำงานและเชื่อมโยงกับ LIMEC มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาที่พยายามทำโดยไม่มีรูปแบบทำให้เกิดยาก ทั้งนี้ในประเด็นที่เรากำลังจะผลักดันก็มีความคิดเห็นที่จะสนับสนุนให้เกิดเมือง Smart City พร้อมต่อการค้าการลงทุนที่ไม่ใช่เมืองเชิงอุตสาหกรรม ให้เกิดเมืองที่น่าอยู่สังคมมีความสุข ในแง่ของการขับเคลื่อนมีความคิดเห็นอยากให้ใช้ศาสตร์การนำเชิงเกษตรปลอดภัยเพื่อสุขภาพและสอดคล้องกับการท่องเที่ยว ทั้งนี้อยากต้องการและช่วยผลักดันให้ตอบโจทย์เพื่อให้เกิดศักยภาพทางสังคม

 

 

///////

แสดงความคิดเห็น