เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 21 กันยายน 2563 ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายเกรียงวิชญ์ เตชวิทยไวทิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานการแก้ไขปัญหาที่ชาวชุมชนซอยสีฟ้า อ.เมืองพิษณุโลก เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก ว่ามีนายทุนได้กว้านซื้ออาคารพาณิชย์ในซอยสีฟ้า ถนนบรมไตรโลกนารถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ไปทำเป็นแหล่งขยายพันธุ์นกนางแอ่น จำนวน 2 หลัง ทำให้เกิดความเดือดร้อนทั้งเรื่องเสียง ความสะอาด และเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดที่เกิดจากสัตว์ปีกสู่คน
โดยในวันนี้ มี นายธีรสิทธิ์ วงศ์วาน ผอ.ทสจ.พิษณุโลก นายอธิปไตย ไกรลาส ผอ.งานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก ตัวแทนจากเทศบาลนครพิษณุโลก สำนักงานปศุสัตว์ สำนักงานบริหารพื้นที่ 11 พิษณุโลก และชาวชุมชนซอยสีฟ้า กว่า 20 คน เข้าร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
นางวรพรรณ ย่วนยืนรักษ์ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่เก่าแก่ในชุมชนซอยสีฟ้าเปิดเผยว่า ในซอยสีฟ้า เริ่มมีนายทุนจากใต้มาซื้ออาคารพาณิชย์ 3 ชั้นครึ่ง และมาดำแปลงชั้นบนเป็นที่สำหรับให้นกนางแอ่นอยู่อาศัย และ ได้มาเก็บรังนกออกไปขาย ซึ่งทำมาแล้ว 1 หลัง เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา และขณะนี้ ทราบว่า กำลังมีการดัดแปลงอคารพาณิชย์อีก 1 หลัง ในซอยสีฟ้า เพื่อให้เป็นที่อยู่ของนกนางแอ่นกินรัง ซึ่งชาวบ้านในซอยสีฟ้าวิตกกังวลมาก เพราะก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว บริเวณถนนบรมไตรโลกนารถ ก็มีการใช้อาคารพาณิชย์ 3 คูหา ดัดแปลงเป็นที่ให้นกนางแอ่นอาศัย ทั้งนี้เนื่องจากพฤติการณ์เลี้ยงนกนั้นสร้างความรำคาญโดยก่อให้เกิดมลพิษทางกลิ่นและเสียงเนื่องจากผู้เลี้ยงได้ปล่อยให้นกบินอย่างอิสระภายในละแวกชุมชน โดยทุกช่วงเวลาพลบค่ำจะมีการปล่อยสัญญาณให้นกบินกลับเข้ารัง การเลี้ยงนกในจำนวนที่มากและปล่อยบินอย่างอิสระเช่นนี้ ทำให้ยากต่อการควบคุมความสะอาดเนื่องจากนกได้ปล่อยมูลไปทั่วบริเวณส่งกลิ่นเหม็นทำลายสีของรถและเสื้อผ้าของประชาชนที่ทำความสะอาดไว้ใช้งานรวมถึงเมื่อนกมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากย่อมส่งเสียงรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน อีกทั้งง่ายต่อการเป็นแหล่งของโรคซึ่งเป็นอันตรายต่อชุมชนเมืองหากมีโรคระบาดที่เกิดจากสัตว์ปีกสู่คนด้วยเหตุนี้ประชาชนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในชุมชนซอยซอยสีฟ้า ซึ่งเป็นประกอบไปด้วยเด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวโรคเรื้อรังจึงมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพเป็นสำคัญจึงร่วมกันทำหนังสือ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนต่อการดำรงชีวิตประจำวันโดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากการบังคับใช้กฎหมายและห้ามปรามการกระทำดังกล่าวนั้นก่อให้เกิดเหตุรำคาญจนถึงจำกัดบริเวณการเลี้ยงนกให้ออกห่างจากชุมชนโดยเร็วที่สุดเพื่อสุขภาพและสวัสดิภาพของชุมชนซอยสีฟ้าถนนบรมไตรโลกนารถอำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก
ซึ่งในที่ประชุม เจ้าหน้าที่จากเทศบาลนครพิษณุโลกได้ชี้แจงว่า หลังจากได้รับเรื่องจากศูนย์ดำรงธรรมพิษณุโลก เทศบาลนครพิษณุโลกได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบบริเวณซอยสีฟ้า เทศบาลฯถือตัวพรบ.สาธารณสุขเรื่องการระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญ ขั้นตอนอยู่ระหว่างการออกคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข ร่วมกับสนง.สาธารณสุขจังหวัด พร้อมติดต่อผู้ประกอบการเข้ามาพบ จะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้ผู้ประกอบการมีการปรับปรุงแก้ไข ณ เวลานี้ มีเหตุเดือดร้อนรำคาญ 3 ประเด็น ได้แก่ เรื่องกลิ่น เรื่องของเสียงจากเสียงเรียกเพื่อล่อนก และเสียงของนก ซึ่งเบื้องต้น เจ้าของตึกอ้างว่าเขาไม่ได้เลี้ยงนก โดยเทศบาลจะมีคำสั่งให้มีการปิดเสียงล่อนก เพราะไม่มีเหตุอันควรที่จะเปิด ส่วนเรื่องของเสียงนก เทศบาลกำลังหารือเพื่ออกคำสั่งให้ ผู้ประกอบการต้องปิดช่องทางเข้าออกของนก
ตัวแทนจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรกษ์ที่ 11 ชี้แจงว่า ในภาคใต้มีการทำธุรกิจบ้านนกนานแล้ว ในทางกฎหมาย นกนางแอ่นเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ในทางกฎหมาย รัฐบาลได้เปิดให้สัมปทานเก็บรังนกในถ้ำได้ แต่สำหนับบ้านนกยังไม่มีกฎหมายรองรับ ในการทำธุรกิจบ้านนก จากการสอบถามเบื้องต้น เจ้าของตึกอ้างว่า ไม่ได้เลี้ยง นกมาอยู่อาศัยเอง ตามพรบ.คุ้มครองสัตว์ป่าปี 2535 แค่ล่อ ( เป่าปาก ) ก็ถือว่าพยายามล่าสัตว์ปแล้ว แต่กฎหมายใหม่ที่บังคับใช้วันที่ 25 พ.ย.2562 การเข้าข่ายคำว่าล่าได้ต้องเข้าข่ายเพื่อทำอันตรายต่อสัตว์นั้น สำหรับการเปิดตึกให้นกนางแอ่นมาทำรัง พวกเขาอ้างว่า เขาไม่ได้จับนก เขาแค่มาเอารังนก ไม่ได้มาจับที่ตัวนก เป็นการใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ตามกฎหมายสัตว์ป่าปี 2562 ถ้าจะจับพวกนี้ได้ ต้องไปจับตอนที่พวกนี้เก็บของกลางซึ่งเป็นรังนก มีความผิดที่ครอบครองรังนก นกนางแอ่นเป็นนกชนิดเดียวที่กฎหมายควบคุมเรื่องการเก็บรัง ถ้าพบการเก็บรังซึ่งหน้า สามารถควบคุมและสามารถอายัดรังได้ การจะบังคับใช้กฎหมายต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
“ถ้ามองในด้านธุรกิจ มองให้เห็นถึงศักยภาพของการทำธุรกิจรังนกในจังหวัดพิษณุโลกได้ เพราะในตัวเมืองที่มีเสียงดังรบกวน นกยังมาอาศัยทำรังได้ ซึ่งรังนกมีราคาสูงถึงกก.ละ 80,000 บาท แต่ต้องรอการร่างและออกกฎหมายตัวใหม่ออกมาบังคับใช้ และการควบคุมการเลี้ยงที่ไม่ให้อยู่ในแหล่งชุมชน และต้องมีการออกเทศบัญญัติโดยท้องถิ่นห้ามเลี้ยงในเขตชุมชน”
สำหรับข้อสรุปการประชุมวันนี้ เทศบาลนครพิษณุโลก จะเร่งดำเนินการตามพรบ.สาธารณสุขเรื่องการระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญ เพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมทั้งประสานให้ชาวบ้านผู้เดือดร้อน ตั้งตัวแทน 3-5 ราย เพื่อเข้าติดตามความคืบหน้าการแก้ไขต่อไป
//////////////