วัดสะพานสี่จัดพิธีกวนข้าวกระยาสารท สืบสานประเพณีวันสารทไทย

เวลา 07.00 น.วันที่ 17 กันยายน 2563 ที่วัดพิกุลวราราม(สะพาน4) ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 เป็นวันสารทไทย ในปีนี้ทางวัดได้จัดพิธีกวนข้าวกระยาสารท สืบสานอนุรักษ์งานบุญประเพณีของคนไทย โดยเสร็จสิ้นจากการทำบุญฟังเทศน์บนศาลาการเปรียญแล้ว ญาติโยมจะลงมาร่วมงานบุญกระยาสารท โดยช่วยกันลงมือกวนข้าวกระยาสารท เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่มาร่วมทำบุญสมทบทุนให้กับทางวันในประเพณีกวนข้าวกระยาสารทซึ่งเป็นวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้าน การกวนข้าวเม่า ข้าวตอก ที่มีคุณค่าทางจิตใจ รสชาติดี กลิ่นหอม หวานมัน อร่อย ทำไว้กินเอง และทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล แก่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยในวันนี้ชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันกวนข้าวกระยาสารท

ด้านนายมนต์  แสนราชโสภา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านสะพานสี่ ต.บึงพระ พิษณุโลก ได้บอกว่า เดิมที่ชาวบ้านในพื้นที่หลากหลายหมู่บ้าน มีอาชีพทำสวน ไร่นา แต่ยังคงมีผู้สูงอายุที่ทำนาไม่ไหวแล้ว ก็ได้รวมกลุ่มกันขึ้นมาเพื่อกวนกระยาสารทขายเป็นอาชีพ โดยได้สูตรการกวนมาจากบรรพบุรุษตกทอดกันมา ต่อมาพอทราบว่าทางวัดจะมีการจัดงานบุญกวนกระยาสารท จึงได้รวมกลุ่มกันมา โดยใช้สูตรที่ทำขายเป็นอาชีพอยู่แล้ว ซึ่งจะมีรสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์ กลมกล่อม ตัวกระยาสารทจะนิ่มไม่แข็งจนเกินไป ผู้สูงอายุทานได้

พระครูสุเมธธรรมโสภณ เจ้าอาวาสวัดพิกุลวราราม(สะพาน4) เจ้าคณะตำบลบ้านป่า เปิดเผยว่าทางวัดได้จัดประเพณีกวนข้าวกระยาสารทขึ้นปีนี้เป็นปีแรก เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีโบราณไว้ให้คงอยู่ และเพื่อเป็นกิจกรรมเพื่อสร้างความรักความสามัคคีให้กับคนในชุมชน โดยปีนี้ได้รับผลตอบรับที่ดี และได้มีผู้ยื่นความประสงค์ร่วมบุญกวนข้าวกระยาสารทในปีหน้ามาแล้วจำนวน 25 กระทะ หรือประมาณ 750 กิโลกรัม

ซึ่งในพระพุทธศาสนา มีประวัติการทำบุญวันสารท เป็นที่มาของการกวนข้าวทิพย์ หรือข้าวมธุปายาส ตามความเชื่อว่าในวันสารทไทย ยมบาลจะปล่อยสัตว์นรกมารับส่วนบุญส่วนกุศล ฉะนั้นทางวัดจึงยังคงประเพณีโบราณนี้ไว้ สารท คือเทศกาลทำบุญสิ้นเดือนสิบ เดิมเป็นฤดูทำบุญด้วยเอาข้าวที่กำลังท้อง (ข้าวรวงเป็นน้ำนม) มาทำยาคูและกวนข้าวปายาสเลี้ยงพราหมณ์ อย่างนี้เรียกว่า กวนข้าวทิพย์ ส่วนผู้นับถือพุทธศาสนานำคตินั้นมาใช้ แต่เปลี่ยนเป็นถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ อุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติในปรโลก สำหรับชาวบ้านทั่วไปมักทำแต่กระยาสารท เป็นต้น

……………………………………………………

แสดงความคิดเห็น