แมงแคงดินกินเหมือนวาซาบิ มีช่วงหน้าฝนกิโลกรัม 800-1,000 บาท

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านวังชมพู ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ว่ามีชาวบ้านบางรายที่ยึดอาชีพหาของป่ามาขายในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นอาชีพเสริมรายได้ นอกจากอาชีพทำนาทำไร่  และเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากเท่าไหร่เนื่องจากพื้นที่จะมีเฉพาะบางแห่งเท่านั้น  และอาชีพเสริมรายได้ของชาวบ้านดังกล่าว คืออาชีพหาแมงแคงดินขายจากการสอบถามนางอุบล  ปุ่มนาม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่24 ม.9 บ้านวังชมพู ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า  ปกติคนทั่วไป หรือชาวบ้านจะรู้จักเฉพาะแมงแคงหลวง ซึ่งจะพบเห็นโดยทั่วไปลักษณะตัวจะใหญ่บินไปไหนไกลได้ ชอบเกาะอาศัยตามต้นไม้ทั่วไป และหาง่ายกว่า ส่วนแมงแคงดินตัวเล็กสีออกดำเป็นเงาวาว  จะอาศัยอยู่ใต้พื้นดินปนทรายริมห้วยน้ำลำคลอง ดินที่ชอบอาศัยอยู่จะไม่เปียกหรือแฉะเกินไป ลักษณะดินแห้งหมาดๆ ซึ่งจะพบเยอะมากนางอุบล กล่าวอีกว่า สำหรับแมงแคงดินที่ตนไปขุดมาขาย ราคาประมาณกิโลกรัมละ 800-1,000 บาท ถือว่าหายากเหมือนกัน  เพราะจะพบเป็นบางเป็นจุดเท่านั้น  แต่จะเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น  แมงแคงดินอาศัยอยู่ในดินไม่แห้งเกินไปและไม่ชื้นแฉะเปียกน้ำเกินไป ลึกลงไปใต้ดินลึกประมาณ10-15 เซนติเมตร เพียงแค่ใช้เสียมขุดลงไปจะพบหากเจอแหล่งของมันจะรวมกันอยู่หลายตัว  แต่ต้องใช้ช้อนตักใส่ภาชนะ ห้ามใช้มือเปล่าจับเด็ดขาด หรือสวมถุงมือหนาๆ 2-3 ชั้น เพราะแมงแคงดินมันมีสารบางอย่างที่มีกลิ่นฉุนมาก ถ้าโดนมือหรือผิวหนังจะร้อน และทำให้ผิวหนังหลุดลอกเป็นแผ่นได้ จึงต้องระวังเวลาจับแมงแคงดินอย่าให้โดนตัวมันหลังจากนั้นจะนำไปล้างน้ำให้สะอาด นำไปใส่ถุงพลาสติกใส แบ่งขายย่อยถุงละ 10 บาท มีประมาณ 20 ตัว พร้อมสวมหลอดดูดน้ำเปิดช่องอากาศเอาไว้  ห้ามกินตัวเป็นๆ  หลังแมงแคงดินตายจะนำไปแช่ตู้เย็นในชั้นแช่แข็ง เพื่อรักษาความสด และเก็บกลิ่นฉุนได้นาน ทำให้สามารถนำกลับมาเป็นอาหารได้ การนำไปเป็นอาหารนั้น  อาจจะกินดิบทั้งตัวเป็นกับแกล้มลาบ หรือกินกับอาหารทั่วไป  เพราะแมงแคงดินซึ่งมีกลิ่นฉุนมาก  เวลากินจะมีรสชาติซ่าขึ้นหัวขึ้นจมูก เหมือนกับเรากินวาซาบิที่เป็นอาหารญี่ปุ่นเลย

แสดงความคิดเห็น