กระบะบรรทุกลำไยประสานงารถบรรทุกไข่คนขับดับคารถ 1 รายบนถนนพิษณุโลก-อุตรดิตถ์

เมื่อเวลา 03.40 น. วันที่ 10 ส.ค. 2563 ร.ต.อ.รังสรรค์ อ่อนดี รอง สว.(สอบสวน) สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลกได้รับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะชนประสานงากับรถกระบะอีกคัน และมีผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บติดอยู่ในซากรถ ที่บริเวณ ถนนสาย พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ หลักกิโลเมตร ที่ 256 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (ขาขึ้นอุตรดิตถ์) หมู่ 4 บ้านหนองมะคัง ต.ทับยายเชียง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย มูลนิธิประสาทบุญสถาน จึงรุดไปตรวจสอบในจุดเกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บพ 9979 พิษณุโลก บรรทุกไข่เยี่ยวม้ามาเต็มลำรถ สภาพด้านหน้ารถพังยับเยิน บริเวณที่นั่งคนขับ พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 รายสภาพถูกอัดก๊อบปี้ ข้าอยู่กับพวงมาลัยรถ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้ อุปกรณ์ตัดถ่างเข้าดำเนินการ งัดซากรถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาชันสูตร ทราบชื่อ ผู้เสียชีวิต ต่อมาคือ นายวอน สุรินทร์ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 52/1 ม.4 ตำบลปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ห่างออกไปเล็กน้อย พบรถยนต์ กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บย 6582 ลำพูน บรรทุกลำไยมาเต็มลำรถ สภาพด้านหน้ารถพังเสียหาย กล่องบรรจุลำไยกระจายเกลื่อนถนน บริเวณที่นั่งคนขับพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างเข้าดำเนินการงัดซากรถเพื่อนำเร่งให้การช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บออกมาจากซากรถเพื่อส่งโรงพยาบาลวัดโบสถ์ ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บต่อมาคือ นายชาญณรงค์ ใจสุก อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 9809 ม.7 ต.เวียง อ.เทิง จ.เชียงราย

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ตำรวจเบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุ รถกระบะบรรทุกลำไยกำลังเดินทางจากจังหวัดลำพูนเพื่อนำลำไยไปส่งยังบริเวณตลาดไทยเจริญ จ.พิษณุโลก และเมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุได้เสียหลัก หรือคาดว่าหลับใน พุ่งข้ามเลน ไปยังอีกฝั่งถนน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่รถกระบะอีกคันบรรทุกไข่เยี่ยวม้า วิ่งสวนขึ้นมา จากจังหวัดพิษณุโลกกำลังจะนำไข่เยี่ยวม้าไปส่งยังจังหวัดอุตรดิตถ์ จึงเป็นเหตุให้พุ่งชนประสานงานกันอย่างจัง เสียงดังสนั่นเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ทำการ สืบสวนสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ที่แน่ชัดอีกครั้ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณภาพ กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน

………………………………………………….

แสดงความคิดเห็น