เมื่อเวลา 12.00 น.ของวันที่ 7 ส.ค. ร.ต.อ.สังเวียน เอี่ยมโซ้ พนักงานสอบสวน สภ.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งว่ามีเหตุถูกอาวุธปืนเสียชีวิต ที่บริเวณบ้านเลขที่ 6/4 หมู่ 15 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังจากรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤชกนก ด่านอุดม ผกก.สภ.แก่งโสภา และเจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพา ในที่เกิดเหตุพบศพนายบุญเปล่ง จันทร์สามเรือน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/4 หมู่ 15 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก สภาพศพถูกอาวุธปืนเข้าที่บริเวณหน้าออกซ้าย ทะลุด้านหลัง นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตทับอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ อยู่บริเวณหน้าบ้านหลังคาดังกล่าว นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุพบนางกานดา กัลยา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ 15 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง ภรรยาผู้เสียชีวิต อยู่ภายในบ้าน สภาพที่ศีรษะถูกของแข็งฟาดจนได้รับบาดเจ็บ มีเลือดออก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ปฐมพยาบาลทันที ก่อนนำตัวมาทำการสอบสวนที่ สภ.แก่งโสภา
จากการสอบสวนนางกานดา ภรรยาผู้เสียชีวิต ทราบว่า ตนกับสามี มักมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง เนื่องจากหึงหวงคิดว่าตนเองนั้นจะมีคนใหม่ มาหลายครั้งแล้ว ก่อนเกิดเหตุตนนั้นได้ไปส่งลูกไปโรงเรียน ส่วนนายบุญเปล่ง สามี วันนี้ไม่ได้ออกไปทำงาน ซึ่งหลังจากตนกลับเข้าบ้าน ก็กลับถูกสามีชวนทะเลาะและนำอาวุธปืนมาข่มขู่ และใช้ด้ามปืนฟาดที่ศีรษะตนเอง 1 ครั้ง จนได้รับบาดเจ็บ และขณะที่ฟาดนั้นตนเอง ก็พยาบาลผลักตัวนายบุญเปล่งออก และวินาทีนั้นปืนที่สามีใช้ทำร้ายตัวเอง กลับปืนลั่นใส่ตัวเอง 1 นัด เนื่องจากหันกระบอกปืนเข้าหาลำตัว ส่วนตัวเองพยายามวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ก็ จากนั้นนายบุญเปล่งได้พยายาม จับอาวุธปืน ออกมาจากตัวบ้าน ทนพิษบาดแผลไม่ไหว นอนเสียชีวิตอยู่หน้าบ้าน หลังจากนั้นตนจึงได้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
ด้านนางนิตยา พี่สาวของนางกานดา ให้การว่านายบุญเปล่ง ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นน้องเขย นั้นชอบหึงหวงน้องสาวของตนเองเป็นประจำ โดยน้องสาวไปคุยกับผู้อื่นไม่ได้เลย กลับบ้านมาต้องทะเลาะกัน จนในวันนี้น้องสาวของตนเอง กลับจากไปส่งลูกที่โรงเรียน และกลับเข้าบ้านก็มีปัญหากันอย่างรุนแรง สุดท้ายก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบรอยเขม่าดินปืน ที่บริเวณศีรษะ และที่นิ้วมือของนางกานดา อีกครั้ง เพื่อหาร่องรอยของการเกิดเหตุการณ์ และสรุปสำนวนคดีนี้อีกครั้ง
//////////
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต