หญิงนิรนามจอดรถจยย.แล้วกระโดดให้รถยนต์ชนเสียชีวิตที่บ้านตะโม่อ.บางระกำ

เมื่อเวลา 03.37 น. วันที่ 30 ก.ค.2563 ร.ต.อ.สุภัทรพงศ์ บุญกำเหนิด รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางระกำ รับแจ้งมีรถยนต์เฉี่ยวชนคนเสียชีวิต บนถนนสายบางระกำ -ปลักแรด บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านตะโม่ หมู่ 5 ต.บางระกำ อ.บางระกำ  จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ใบหน้ามีบาดแผลฉีกขาด แผลแตกที่ศรีษะ สภาพนอนคว่ำหน้า ที่หลังและแขนซ้ายมีรอยสักยันต์ การแต่งกายใส่กางเกงชุดนอนสีฟ้า เสื้อยืดสีขาว ใส่เสื้อคลุมสีดำทับ โดยรอบตัวตรวจสอบไม่พบเอกสารยืนยันว่าเป็นใครมาจากไหน และสอบถามประชาชนรอบข้างไม่มีผู้ใดรู้จัก จากนั้นมีคำสั่งจากร้อยเวรสภ.บางระกำ ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ นำร่างส่งชันสูตรพลิกศพที่นิติเวชโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

จากการสอบสวน นางเก็จแก้ว อุทโยธา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136/1 หมู่ 2 ต.พันเสา อ.บางระกำ คนขับรถกระบะที่ยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กล่าวว่า ตนได้ขับรถกระบะออกมาจากบ้านเพื่อจะไปซื้อของที่ตลาดบางระกำ เมื่อใกล้ถึงที่เกิดเหตุสังเกตเห็นว่ามีรถจักรยานยนต์จอดอยู่ข้างทาง แต่ไม่พบคนขี่แต่อย่างใด ตนจึงได้ชะลอรถซึ่งจังหวะนั้นมีหญิงสาวได้กระโดดตัดหน้ารถของตนเข้าอย่างกะหันหัน จะไม่สามารถหยุดรถได้ทัน ประกอบกับบริเวณนั้นเป็นทางตรงยาวและมืดไม่มีไฟส่องสว่างรายทาง จึงทำให้พุ่งชนเข้าอย่างจังจนร่างกระเด็นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในที่สุด ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบทันทีไม่ได้หลบหนีไปไหน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองรถจักรยายนต์ คือ น.ส.ภฤศมน พงษ์พุก อายุ 46 ปี ให้การว่ารถคันดังกล่าวได้ให้เพื่อนยืมใช้ และเพื่อนก็ได้ให้น้องชายและแฟนสาวใช้อีกต่อหนึ่ง จึงได้ติดต่อแจ้งญาติของผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมา คือ น.ส.สุรีรัตน์ อยู่สุขดี อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/1 หมู่ 10 ต.บางระกำ อ.บางระกำ ภายหลังญาติทราบข่าวรู้สึกตกใจมาก ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นการจงใจกระโดดตัดหน้ารถเพื่อฆ่าตัวตายหรือเป็นอุบัติเหตุกันแน่ ทั้งนี้จะต้องรอสอบปากคำแฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิต รวมถึงพยานแวดล้อมต่างๆ โดยญาติแจ้งว่าผู้เสียชีวิตเป็นคนเงียบขรึมไม่ค่อยพูดและไม่สุงสิงกับใคร จะพักอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มและนานๆ ครั้งจะกลับมาบ้าน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนศพจะมอบให้ญาติรับกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป.

ขอบคุณภาพข่าว กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถานพิษณุโลก

……………………………………………………..

แสดงความคิดเห็น