ป.ป.ส.ภาค 6 เพิ่มศักยภาพเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน

วันที่ 8 กรกฎาคม 2563  ที่โรงแรมเรือนแพ รอยัลปาร์ค อ.เมือง จ.พิษณุโลก นายวัฒนา เกิดผล ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 6 เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมเพิ่มศักยภาพเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน หลักสูตร เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงาน ปปส. โดยได้รับการสนับสนุนวิทยากรจาก สำนักอัยการสูงสุด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และ สำนักงาน ปปส.  วัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าพนักงาน ปปส.มีความรู้ความเข้าใจ ในการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ปปส.ในการปฏิบัติงานปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2519 โดยเน้นในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติดและแนวทางปฏิบัติการดำเนินคดี รวมทั้งการเตรียมความพร้อมในการดำเนินคดีในชั้นศาล ตลอดจนการบูรณาการ นำพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนการสอบสวน เพื่อให้การดำเนินงานเกี่ยวกับคดียาเสพติดในชั้นศาลมีความสมบูรณ์ อีกทั้ง เป็นการเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกันตลอดจน เพื่อประโยชน์ในการประสานดำเนินการร่วมกัน สำหรับ ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ประกอบไปด้วยเจ้าพนักงาน ปปส.ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนของภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัดได้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ตำรวจปกครองและศุลกากรที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงาน ปปส.จำนวน 150 นาย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 10 กรกฎาคม 2563

นายวัฒนา เกิดผล ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 6 กล่าวว่า  สถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบันนี้ยังคงเดิมปริมาณยาเสพติด ที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศเราในช่วงระยะผ่อนคลายจากโควิด 19 พบว่าการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน โดยกลุ่มนักค้าพยายามลำเลียงเข้าตลอดเวลา ทำให้การจับกุมล็อตใหญ่ เพิ่มมากขึ้น  ขณะที่มาตรการปราบปรามยังคงเดิม แต่ ปปส.ซึ่งเป็นหน่วยงานกลาง พยายามประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการวิเคราะห์สถานการณ์ ประสานหน่วยงานข้างเคียงที่เกี่ยวข้อง มีการประสานงานกับหน่วยงานตามแนวชายแดน กองกำลังผาเมือง กองกำลังสุรนารี เพื่อจับกุมเครือข่ายนักค้าเสพติด ระหว่างกำลังลักลอบลำเลียงได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับการอบรมครั้งนี้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากข้าราชการ เจ้าหน้าที่มีการหมุนเวียนสับเปลี่ยนโยงย้าย ทาง ปปส.ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางได้เพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปราม จึงต้องมีการอบรมเจ้าหน้าที่ตามด่านต่าง ๆการเสริมสมรรถนะเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน หน่วยงานหลักในการสกัดกั้น  การดำเนินการเจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายเพื่อรวบรวมหลักฐาน เพื่อขยายผลเครือข่ายกลุ่มผู้ค้า

นายวัฒนา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันกลุ่มผู้ค้ามีวิวัฒนาการ มียุทธวิถีในการเข้าถึงผู้เสพ จากการใช้สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ค สื่อสารทางสังคมต่างๆ  อาทิ ไลน์ เฟชบุ๊ค วอตแอพ ทวิตเตอร์ สิ่งเหล่านี้ทำให้นักค้ายาเสพติดสามารถเข้าถึงผู้เสพ พอเข้าถึงก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่าย  แล้วมีการอาศัยการเจริญเติบโตด้านโลจิสติกส์  การขนส่งต่างมีการลักลอบลำเลียง การขนส่งพัสดุ ไปรษณีย์ภัณฑ์ มีการขยายยาเสพติดในเด็กเยาวชนได้ง่าย เจ้าหน้าที่รัฐ พยายามสอดส่องในเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษเพื่อสกัดกันยาเสพติดไม่ให้ระบาด นอกจากนี้ สำนักงาน ปปส.เห็นความสำคัญของชุมชน   โดยดำริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อยากให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ โดยทดลองในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ลงในทุกหมู่บ้าน และชุมชน กระตุ้นให้ผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม โดย ปปส.สนับสนุนงบประมาณ และองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เฝ้าระวัง สอดส่องดูแลผู้ที่เสพ ผู้ป่วย ผู้เกี่ยวข้องยาเสพติดเพื่อติดตามเข้ามาบำบัดรักษา เพื่อคืนคนดีสู่สังคม  รวมถึงมาตรการป้องกัน ส่วนรางวัลนำจับมี 2 ส่วน  คือผู้ให้ข้อมูลข่าวสารกับเจ้าหน้าที่ จะได้รับเงินสินบนนำจับ 50 % ของเงินรางวัลทั้งหมดและ อีก 50 % เป็นเงินรางวัลให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมอีกด้วย

///////////

 

แสดงความคิดเห็น