เวลา 18.30 น. วันที่ 3 กรกฏาคม 2563 ที่บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำน่าน ใกล้กับวัดจันทร์ตะวันออก ถ.พุทธบูชา อ.เมือง จ.พิษณุโลก ร.ต.อ.สมศักดิ์ ขอเทียม เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอเมืองพิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยข่าวภาพ และแพทย์เวร โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ทำการตรวจสอบชันสูตรเบื้องต้น ศพนายขวัญชัย ทองย้อย อายุ 30 ปี ภูมิลำเนาอยู่ ม.4 ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ที่ประสบเหตุจมหายไปในแม่น้ำ ระหว่างที่เจ้าตัวว่ายน้ำข้ามแม่น้ำน่าน เชิงสะพานนเรศวร จากฝั่งตะวันตกมุ่งหน้ามายังฝั่งตะวันออก เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.คืนวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยตลอดทั้งคืนของวันที่ 2 ก.ค.63 ที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งเหตุบุคคลสูญหาย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน ก็ได้เริ่มปฏิบัติการค้นหาใต้น้ำตลอดทั้งคืน จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น.(วันที่ 3 ก.ค.63) ได้ยกเลิกการค้นหาเนื่องจากเจ้าหน้าที่เริ่มอ่อนแรงจากกระแสน้ำที่เชียวกราด ต่อมาในช่วงเช้าของวันที่ 3 ก.ค.63 ก็ได้เริ่มปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายใต้น้ำอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งวัน โดยมีนายสุนทร ทองย้อย อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 1/3 ม.4 บ้านบุใหญ่ ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม ซึ่งเป็นบิดาของผู้สูญหาย พร้อมด้วยแฟนสาวของนายขวัญชัยฯ ผู้สูญหาย ก็มาเฝ้ารอด้วยท่าทางที่เศร้าหมองตลอดทั้งวัน จนกระทั่งช่วงเวลา 14.45 น.ของวันนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ยกเลิกภารกิจในการค้นหาร่างผู้สูญหาย เนื่องจาก เจ้าหน้าที่เริ่มอ่อนแรงจากการค้นหาใต้น้ำเป็นเวลานาน ประกอบกับกระแสน้ำด้านล่างค่อนข้างแรงและน้ำขุ่นเป็นสีแดง เป็นอุปสรรคต่อการค้นหา
จนกระทั่งในเวลา 18.30 น. ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแพแม่น้ำน่าน ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามีศพชายไม่สวมเสื้อลอยมาติดแพของชาวบ้าน ห่างจากสะพานนเรศวรที่ผู้เสียชีวิตว่ายน้ำข้ามฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมกู้ภัยข่าวภาพพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าทำการตรวจสอบ โดยมี นางสาวมน ( ขอสงวนนามสกุล ) แฟนสาวของผู้สูญหายได้เดินทางมาที่เกิดเหตุด้วย เมื่อเห็นศพถึงกับทรุดตัวนั่งลงร้องไห้ด้วยความเสียใจ โดยมีเพื่อนคอยประครองให้ดมยาดมตลอดเวลาเกรงว่าจะเป็นลม และยืนยันว่าผู้เสียชีวิตคือ นายขวัญชัย ทองย้อย อายุ 30 ปี เป็นแฟนหนุ่มของตนจริงๆ
โดยเบื้องต้นจากการชันสูตรไม่พบบาดแผลแต่อย่างไรจึงน่าจะเสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำ โดยทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยข้าวภาพจะได้นำศพนายขวัญชัยไปผ่าชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนมอบให้ญาตินำศพไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป
……………………….
.