วันนี้ 3 กรกฏาคม 2563 เวลา 10.30 น. ที่ ห้องประชุมศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก นายแวะ สนใจ จากเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมพู ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เดินทางเข้ายื่นหนังสือเรียกร้อง ให้มีการตรวจสอบและกำหนดผู้ที่จะเข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวันที่ 12 กรกฎาคม 2563 ที่ศาลาวัดบ้านชมภู ต่อ นายอธิปไตย ไกรราช ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก ตัวแทนแม่ทัพภาคที่ 3 และตัวแทนชลประทานจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้การรับฟังความเห็นของคณะกรรมการฯ ในครั้งนี้ ได้ทราบข้อมูลที่แท้จริงของราษฎรในพื้นที่ ให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย และเป็นธรรม จึงขอให้ผู้เข้าร่วมประชุมเป็นราษฎร บ้านชมพู หมู่ที่ 1 และ 3 ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เท่านั้น
ทั้งนี้เอกสารที่ได้ยื่นมีข้อความว่า “ตามที่ได้มีโครงการพัฒนาลุ่มน้ำคลองชมพูนั้น ได้มีการผลักดันโครงการมาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการคัดค้านโครงการมาโดยตลอดจากประชาชนในพื้นที่ และเมื่อปี 2557 ได้มีการยกเลิกโครงการไปแล้ว แต่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในระดับชาติและระดับพื้นที่ ได้มีการผลักดันโครงการขึ้นมาอีก เป็นเหตุให้คณะ กมธ. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น โครงการในวันที่ 28 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมาในพื้นที่กลางน้ำและปลายน้ำ มีลักษณะชี้นำโครงการมากกว่าการรับฟังความคิดเห็น และได้มีกำหนดการที่จะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายโครงการ บ้านชมภู หมู่ 1 และหมู่ 3 ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2563 เวลา 10.00 น. แต่ที่ผ่านมาได้มีการผลักดันโครงการในทุกรูปแบบ จากกลุ่มทุนการเมืองที่หวังผลประโยชน์จากการก่อสร้างโครงการ มากกว่าการบริหารจัดการน้ำ มีการชี้นำตลอดจนจัดจ้างกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องมากดดันชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งล่อแหลมต่อการกระทบกระทั่งกันของประชาชนต้นน้ำกับกลางน้ำและปลายน้ำ
ด้วยเหตุนี้ทางเครือข่าย จึงขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบและกำหนดผู้ที่จะเข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวันที่ 12 กรกฎาคม 2563 ที่ศาลาวัดบ้านชมพู เฉพาะประชาชน หมู่ที่ 1 และ 3 ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เท่านั้น ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมเวทีดังกล่าว(กล่าวคือตรวจบัตรประจำตัวประชาชนก่อนเข้าร่วมเวที) เนื่องจากผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเวทีดังกล่าว ยกเว้นเจ้าหน้าที่ของรัฐฯ ที่เกี่ยวข้อง และคณะ กมธ. กับผู้สื่อข่าวเท่านั้น เนื่องจากกลัวว่าจะมีการกระทบกระทั่งกันของประชาชนที่คิดต่าง จนอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ต่อไป”