“สนธิรัตน์”ปฏิรูปวงจรปาล์มช่วยเกษตรกร ดีเดย์นำร่องใช้ “บล็อคเชน”ซื้อขายภายใน 2 สัปดาห์

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับทางสมาคมไบโอดีเซลไทยว่า กระทรวงพลังงานได้หารือแลกเปลี่ยนถึงปัญหาและอุปสรรคเพื่อเตรียมความพร้อมในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาบริหารระบบซื้อขายราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) มาผลิต B100 เพื่อให้สะท้อนราคาผลปาล์มให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรม โดยระบบดังกล่าวจะเป็นการปฏิรูปการจัดซื้อปาล์มน้ำมันของประเทศทไทยทั้งระบบ สามารถเชื่อมโยงตั้งแต่เกษตรกรผู้ขายผลปาล์มน้ำมัน ลานเท โรงสกัด โรงงาน 100 และโรงกลั่น ซึ่งเมื่อนำบล็อกเชนมาใช้จะทำให้ราคาซื้อขาย B100 สะท้อนราคาที่แท้จริงไปยังผลปาล์มน้ำมันของเกษตรกร ซึ่งคาดว่าโครงการนำร่องจะเริ่มได้ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากนี้ เมื่อโครงการประสบความสำเร็จจะได้ขยายไปสู่โรงงาน B100 ทุกแห่ง ดังนั้น ผู้ประกอบการโรงงาน B100 จะต้องเร่งพัฒนาตัวเองเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่บล็อกเชน เพื่อจะได้ไม่เสียโอกาสในการขาย B100 ให้กับโรงกลั่น ซึ่งต่อไปนี้จะซื้อ B100 กับโรงงานที่เข้าสู่ระบบบล็อกเชนเท่านั้น

ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำบล็อกเชนมาใช้ในโครงกานำร่อง วันที่ 29 พ.ค.63 ตนได้นัดหารือกับทาง ปตท. ซึ่งเป็นผู้ซื้อ B100 รายใหญ่ที่มีโรงกลั่นในเครือคิดเป็นสัดส่วน 50% ของกำลังการกลั่นในประเทศ รวมถึงจะมีการพูดคุยถึงความเหมาะสมในการสั่งซื้อ B100 เพิ่มเติมของ ปตท. ด้วย หลังจากนั้นจะทยอยหารือกับบางจาก และเอสโซ่ ถ้าผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ให้ความร่วมมือก็จะทำให้โครงการประสบความสำเร็จได้ง่าย ถ้าไม่มีอุปสรรคอะไรภายในปีนี้จะเห็นทุกรายเข้าสู่ระบบบล็อคเชนทั้งหมด

“ผมย้ำว่าการนำระบบบล็อคเชนมาใช้เป็นการปฏิรูปการจัดซื้อปาล์มน้ำมันของประเทศไทย ถ้าเราสำเร็จจะข้ามข้อจำกัดของการซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นกลไกช่วยป้องกันการกดราคาผลปาล์มน้ำมันของเกษตรกร และยังป้องกันลักลอบการนำเข้าด้วย เพราะระบบนี้จะมีการเข้ามาจับราคา CPO ที่ผู้ผลิต B100 รับซื้อ ยกตัวอย่าง ราคา CPO อยู่ที่ 21 บาทต่อกิโลกรัม ราคาผลปาล์มคุณภาพ 18% จะอยู่ที่ 3.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะเป็นการตัดพ่อค้าคนกลางออก และนำร่องจากผู้ผลิต B100 ที่มีโรงสสกัดเป็นของตนเองก่อน จริงๆ โครงการนี้น่าจะเดินไปไกลแล้ว แต่พอเจอปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทำให้ล่าช้าไป 2 เดือน แต่หลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายจะได้เร่งรัดในเรื่องนี้ และเมื่อโครงการนี้เดินหน้าตามแผนจะได้เตรียมลงพื้นที่ไปดูกระบวนการดำเนินการทั้งหมด หลังจากสถานการณ์ไวรัสโควิดคลี่คลายแล้ว”

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มราคาปาล์มน้ำมันได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3.50-3.70 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่มีผลผลิตจำนวนมาก และเมื่อเข้าสู่เดือน มิ.ย. ราคาก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากได้นำระบบบล็อคเชนมาใช้จะเป็นการยกระดับราคาปาล์มน้ำมันทั้งระบบขึ้นมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงพลังงานในการแก้ไขปัญหาราคา ของผลผลิตปาล์มน้ำมันให้ยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะนำระบบบล็อกเชนที่ใช้ยกระดับราคาปาล์มน้ำมันไปใช้กับเอทานอล แต่เชื่อมั่นว่าถ้าระบบดีก็สามารถขยายไปสู่เรื่องอื่นได้ และอยากให้เรื่องนี้เป็นบรรทัดฐานใหม่ในเรื่องของการค้าสินค้าเกษตรในอนาคตด้วย
#น้าสนจัดให้

แสดงความคิดเห็น