เวลา 11.00 น. วันที่ 26 เมษายน 2563 จังหวัดพิษณุโลก ได้ดำเนินการมาตรการเยียวยาผู้ประกอบอาชีพนวดแผนไทยในเขตอ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดกิจการนวดแผนไทย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยสำรวจและลงทะเบียนผู้ประกอบอาชีพนวดแผนไทยที่ได้รับผลกระทบในเขตอ.เมือง 480 ราย มารับถุงยังชีพ ประกอบด้วย ข้าวสารตราฉัตร 15% จำนวน 5 กิโลกรัม ปลากระป๋องตราบิ๊กโบ 8 กระป๋อง ยำยำจัมโบ้ 10 ห่อ น้ำมันพืชตราทับทิมขนาด 1 ลิตร 1 ขวด น้ำปลาตราเซพแพ็ค 1 ขวด วมถึงผัดไทยของสนง.วัฒนธรรมจ.พิษณุโลก
นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผวจ.พิษณุโลก กล่าวกับผู้ประกอบอาชีพนวดแผนไทยว่า ขอให้อดทนกันอีกสักระยะ ด้วยมาตรการที่ดำเนินการกระทบการประกอบอาชีพและรายได้ จังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ สำรวจผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม เริ่มจากช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพถีบสามล้อปั่นไปแล้ว และ เข้าช่วยไถ่ถอนเครื่องมือทำกิน ของใช้ในบ้าน ให้กับผู้ยากไร้ที่ไปจำนำในโรงรับจำนำ วันนี้ ช่วยเยียวยาผู้ประกอบอาชีพนวดแผนไทย ใช้เงินจากกองทุนศาลหลักเมืองจังหวัดพิษณุโลก มาจัดหาถุงยังชีพให้ และวันนี้ได้แจกเงินค่ารถให้กับผู้ที่มารับถุงยังชีพด้วย ส่วนกลุ่มร้านยตัดผม ร้านเสริมสวย จะไปกลุ่มต่อไปที่จังหวัดจะเข้าเยียวยา จากนั้น จะให้ผู้ใหญ่บ้านลงสำรวจราษฏรที่ได้รับผลกระทบ และยังไม่ได้รับการเยียวยา ขณะที่ประชาชนชาวพิษณุโลกที่ยากไร้ ไม่มีเงิน ไม่มีข้าว หรือ ประสบปัญหาในช่วงนี้ สามารถโทรศัพท์ตรงมาได้ที่เบอร์ 0871565635 ผวจ.พิษณุโลกโดยตรง ซึ่งมีประชาชนโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือเข้ามาหลายรายแล้ว และจัดส่งความช่วยเหลือไปให้
บรรยากาศการแจกถุงยังชีพให้ผู้ประกอบาชีพนวดแผนไทยวันนี้ ดำเนินมาตรการรักษาระยะห่างอย่างเคร่งครัว พร้อมกับมีจิตอาสามาช่วยเหลือในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้มารับสิ่งของ ซึ่งผู้ประกอบอาชีพส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มวัยกลางคนและสูงอายุ รวมถึงมีผู้พิการทางสายตาจำนวนหนึ่งด้วย เจ้าหน้าที่และจิตอาสา ต่างช่วยกันถือสิ่งของบริจาคให้กับผู้มารับแจกของนำไปส่งที่รถเพื่อกลับภูมิลำเนา
นางสวิง อินทอง อายุ 61 ปี ประกอบอาชีพนวดแผนไทยที่รพ.พุทธชินราชพิษณุโลก เปิดเผยว่า ได้รับผลกระทบมาก หลังจากจังหวัดมีคำสั่งปิดการนวดแผนไทยตั้งแต่ปลาย เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปกติเคยมีรายได้วันละ 600-700 บาท รายได้ก็หายไปหมด ได้ลงทะเบียนของรับเงินเยียวยาและได้รับการอนุมัติมาแล้วงวดแรก 5,000 บาท
นางนิตยา ใจมล อายุ 57 ปี เปิดเผยว่า คำสั่งหยุดไม่ได้ทำอะไรเลย มีรายได้เป็นรายวัน จ่ายทุก 15 วัน จะได้เงินประมาณ 3,000-4,000 บาท ตั้งแต่หยุดมาเดือนกว่าได้รับผลกระทบมาก ทุกวันนี้ดูตามเฟซบุ๊คมีการแจกของที่ไหนก็จะไปตระเวนรับแจก ได้ลงทะเบียนและได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทแล้ว แต่ก็ยังไม่พอ เพราะครอบครัวอาศัยอยู่หลายคน จึงต้องคอยไปตระเวนรับสิ่งของบริจาคตามจุดต่าง ๆ
สำหรับมาตรการล็อคดาวน์ของจังหวัดพิษณุโลก ที่เริ่มกำหนด 4-30 เม.ย.63 ที่ผ่านมามีการตั้งด่านคัดกรองผู้เดินทางเข้าจังหวัดทั้งด่านชั้นนอกและด่านชั้นใน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสม ยังคงอยู่ที่ 6 รายเท่าเดิม รักษาหายกลับบ้านแล้ว 4 ราย และอยู่ระหว่างพักเพื่อสังเกตให้ครบ 30 วันอีก 2 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มา 18 วันแล้ว และจากการประชุมล่าสุดคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดพิษณุโลกเมื่อวานนี้ 25 เม.ย. 2563 มีข้อสรุปที่สำคัญ 1.ยกเลิกด่านหมู่บ้าน 1,048 แห่ง มีผลตั้งแต่ 1 พ.ค.2563 และใช้กลไกการปฏิบัติของศูนย์โควิดหมู่บ้าน เช่นการวัดอุณหภูมิ การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง ( Social Distancing ) และการปฏิบัติตามมาตรการทางสังคมเกี่ยวกับจัดกิจกรรมที่ได้ประกาศไปแล้ว
.ยุบ ด่านชายแดน หรือด่านชั้นนอก เหลือเพียง 7 แห่งจาก 10 แห่ง ได้แก่ ด่านบ่อทอง ด่านท่างาม ด่านชาติตระการด่านบ่อโพธิ์ ด่านบ้านแยง ด่านคลองเมมและด่านสันติบันเทิง ทั้งนี้ ด่านที่ยุบเลิก คือ ด่านโป่งแค ด่านไผ่ล้อม ด่านแยกเทศบาลบางระกำเมืองใหม่ มีผลตั้งแต่ 1 พ.ค.2563 ส่วนด่านชั้นในเขตเมือง จำเป็นต้องคงไว้เพื่อคัดกรองและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อฯ
คงไว้ซึ่งมาตรการต่างๆที่เคยประกาศไปแล้ว ถึง 15 พ.ค.2563 โดยจะออกมาตรการผ่อนปรน Save Phitsanulok ตามกรอบแนวคิด ประชาชนปลอดภัย และเศรษฐกิจอยู่รอด ขณะนี้แต่งตั้งคณะกรรมการผ่อนปรนฯยกร่างแผนคลายล๊อค ในห้วงระยะเวลา 1-15 พ.ค.2563 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะได้ดำเนินการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับมาตรฐานในลักษณะ New Normal (บรรทัดฐานใหม่) ให้กับสถานประกอบการ ได้แก่ร้านอาหาร โรงแรม ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมกิจการนวดแผนโบราณ ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว สวนสาธารณะ บริการขนส่งสาธารณะ และอื่นๆ เพื่อให้ดำเนินการปรับมาตรฐานตามแนวทางคลายล็อคอย่างปลอดภัย ก่อนเปิดให้บริการได้