วันที่ 20 เมษายน 2563 ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผวจ.พิษณุโลก ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ลงทะเบียนขอเงินเยียวยาจากรัฐบาล 5,000 บาท โดยระหว่างวันที่ 20-22 เมษายน 2563 จะมีการเปิดจุดบริการประชาชน ในการช่วยยื่นทบทวนสิธิ์ หรือ อุทธรณ์ รวมถึง ผู้ที่ต้องการลงทะเบียนขอเงินเยียวยาใหม่ ที่ศาลากลางพิษณุโลก ที่ว่าการอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในจังหวัดพิษณุโลก
ที่ศาลาประคมภายในศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก จนท. ได้จัดจุดบริการประชาชนแบ่งเป็นสองขั้นตอนหลักคือ บริเวณอาคารโรงจอดรถ จะให้ประชาชนได้เตรียมเอกสาร รับบัตรคิว สำหรับผู้ที่มาขอให้จังหวัดช่วยยื่นทบทวนสิทธิ์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงผู้ที่มาขอลงทะเบียนรับเงินเยียวยารายใหม่ที่ยังไม่เคยลงทะเบียน อีกส่วนหนึ่งคือบริเวณภายในศาลาประชาคม ได้จัดโต๊ะสำหรับบริการกรอกข้อมูลทบทวนสิทธิ์และลงทะเบียนใหม่ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยจัดเจ้าหน้าที่ไว้ประมาณ 20 โต๊ะ คอยบริการประชาชนตามลำดับคิว ซึ่งบรรยากาศในภาคเช้า ที่ศาลากลางพิษณุโลก มีชาวพิษณุโลกมาใช้บริการประมาณ 300-400 ราย ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน วัยกลางคน และวัยสูงอายุ ซึ่งจากการสอบถามวัยทำงานส่วนหนึ่งพบว่า ลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาด้วยตนเอง แต่ได้รับการตอบกลับมาว่าไม่มีสิทธิ์ เพราะเป็นอีกชาชีพหนึ่ง และมาที่จังหวัดวันนี้ เพราะไม่มั่นใจว่าถ้าทำการยื่นอุทธรณ์สิทธิ์ด้วยตนเอง จะผ่านหรือไม่ ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่ จะให้บุตรหลานลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาให้ แต่ได้รับการตอบรับมาว่าไม่มีสิทธิ์ และส่วนใหญ่ ต่างหอบเอกสารของตนเอง ทั้งทะเบียนการค้า ภาพถ่ายสถานที่ทำงาน ร้านค้า เพื่อมาเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ยื่นทบทวนสิทธิ์ให้
น.ส.ยุพิน สุดใจ ประกอบกิจการร้านเสริมสวยแนนซาลอน เลขจที่ 30/253 ถ.พระลือ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนได้รับผลกระทบเต็ม ๆ เพราะมีคำสั่งให้ปิดร้านเสริมสวย ไม่มีรายได้เลย เมื่อรัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาท ก็ลงทะเบียนได้ในวันแรกที่เปิดให้ลงทะเบียนเลย แต่กลับมีข้อความแจ้งว่า ตนไม่มีสิทธิ์ ตนมีอาชีพเกษตรกร ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกร วันนี้จึงนำภาพถ่ายร้านเสริมสวย ใบจดทะเบียนการค้า มาให้เจ้าหน้าที่ช่วยยื่นอุทธรณ์ให้ เพราะไม่มั่นใจว่าถ้าอุทธรณ์ด้วยตนเอง จะผ่านหรือไม่
นายศุภากร แห้ววิเชียร อาชุ 65 ปี ภูมิลำเนาบ้านเลขที่266 ม.4 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนประกอบอาชีพขายถั่วลิสงต้ม ตามนัดนัดในอำเภอต่าง ๆ และได้รับผลกระทบจากคำสั่งปิดตลาดนัด จึงให้ลูกลงทะเบียนให้ แต่กลับได้รับแจ้งว่า ตนประกอบอาขีพเกษตร ทั้ง ๆ ที่ตนไม่เคยประกอบอาชีพเกษตรกรเลย วันนี้จึงนำหลักฐานภาพถ่ายการขายถั่วลิสงต้มในตลาดนัด มาให้เจ้าหน้าที่ช่วยยืนยันทบทวนสิทธิ์
นางบุญยืน มากำเนิด อายุ 61 ปี ภูมิลำเนาบ้านเลขที่ 1000/167 ม.10 ต.อรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนเปิดร้านจำหน่ายกรอบพระ ที่ตลาดไนท์บาร์ซาพิษณุโลก แต่มีคำสั่งปิดไนท์บาร์ซ่าเมื่อ 24 มีนาคม 2563 ได้ให้ลูกสาวช่วยลงทะเบียนให้ แต่ได้รับแจ้งกลับมาว่า ตนไม่เข้าข่ายได้รับผลกระทบตากการระบาดของโควิด-19 โดยตรง เนื่องจากสถานประกอบอาชีพ ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ จึงนำหลักฐานภาพถ่ายของร้าน และภาพถ่ายของป้ายสั่งปิดตลาดไนท์บาร์ซ่าพิษณุโลกมาให้เจ้าหน้าที่ช่วยทบทวนสิทธิ์ให้