จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nicha May ได้ออกมาโพสต์คลิปของคุณยายท่านหนึ่งซึ่งถูกลูกสาวทำร้ายร่างกาย พร้อมระบุข้อความว่า “ข้างบ้านเอาไม้ฟาดแม่ตัวเอง เมาอาละวาด ทำร้ายหมา ส่งเสียงดังตอนกลางคืน ที่ผ่านมาพยายามทำทุกอย่าง แจ้งความตามตำรวจ แจ้งศูนย์ดำรงธรรม แจ้งเทศบาล แจ้งสาธารณสุข สุดท้าย เรื่องเหมือนเดิมให้ไปบำบัด กลับมาบ้านเมาทำร้ายคนอื่นเหมือนเดิม ตำรวจแจ้งไปช่วยอะไรไม่ได้นอกจากมาห้าม และทุกครั้งที่มา พูดแค่ อย่าเสียงดัง และกลับไป แล้วที่บ้านต้องพึ่งใคร นอกจากทนฟังหมาโดนทำร้ายร้องโหยหวน คุณยายข้างบ้านที่โดนลูกแท้ๆ ทุบร้องโหยหวน กลางคืน ตีกับสามี วีดีโอนี้คือ คุณยายที่โดนทำร้ายหนีออกจากบ้าน มีคนเอามาส่งที่บ้าน ใครได้อ่านคือช่วยแชร์ที สิ้นหวังมากอ่ะ” โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก ถึงความไม่เหมาะสมและสงสารคุณยายเป็นอย่างมาก
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 มี.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอัญชรินทร์ กลิ่นศิริ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พิษณุโลก พร้อมด้วยนางปิยนารถ ศิริเจริญพันธ์ รองนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก เจ้าหน้าที่กองสวัสดิการและสังคมเทศบาลนครพิษณุโลก เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อัยการจังหวัด และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก เข้าตรวจสอบบ้านพักเลขที่ 330 ถ.ศรีธรรมไตรปิฎก ภายในชุมชนมหานุภาพ หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ว่ามีการกระทำความรุนแรงในครอบครัว ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง พบกับนางเฉลียว จันทร์ฟุ้ง อายุ 49 ปี ลูกสาวเจ้าของบ้าน กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ โดยมีนางมาลี จันทร์ฟุ้ง อายุ 82 ปี ซึ่งเป็นแม่นอนอยู่บนเตียงใต้ถุนบ้านใกล้ๆ กัน โดยสภาพความเป็นอยู่ภายในบ้านเลี้ยงสุนัขพันธุ์ไทยมากกว่า 10 ตัว ส่งเสียงเห่าหอนอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ได้สอบถามนางมาลีว่ามีเพื่อนบ้านแจ้งไปว่าถูกลูกสาวทำร้ายร่างกายจริงหรือไม่แต่ไม่ยอมบอก พร้อมกับขอตรวจสภาพร่างกายพบว่ามีบาดแผลตามหลายแห่ง ซึ่งลูกสาวอ้างว่าแม่หกล้มเอง แต่เมื่อถูกเค้นหนักเข้าจึงยอมรับกับเจ้าหน้าที่ว่าได้ลงมือทุบตีแม่ไม้ด้วยท่อนไม้ไผ่ขนาดความยาว 1 ฟุต ส่วนสาเหตุนั้นเนื่องจากมีนิสัยติดสุราอย่างหนัก ประกอบกับตัวนางมาลี ผู้เป็นแม่มีอาการหลงลืมเพราะอายุมากแล้ว และชอบปีนรั้วหนีออกจากบ้านพัก จึงทำให้เกิดอารมณ์โมโหทุบตีแม่อยู่บ่อยครั้ง กระทั่งเพื่อนบ้านข้างเคียงทนพฤติกรรมไม่ไหวจึงแอบติดกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์อันน่าสลดหดหู่ใจเอาไว้ได้
ด้าน นางสมควร จงศิริ อายุ 55 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตนเองพักอาศัยอยู่บ้านหลังติดกันกับนางเฉลียว จันทร์ฟุ้ง ลูกสาวของนางมาลี จันทร์ฟุ้ง บ้านหลังเกิดเหตุมักมีเสียงทะเลาะกันเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงกลางดึกจะได้ยินเสียงสุนัขร้องโหยหวน รวมถึงเสียงนางมาลีร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อแอบดูก็พบภาพสะเทือนใจปรากฎภาพลูกสาวใช้ไม้ทุบตีแม่ จนชาวบ้านในละแวกดังกล่าวเอือมระอาได้แต่ตักเตือนไป และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จึงบอกลูกชายของนางมาลีที่อยู่ต่างจังหวัดให้มารับแม่ไปอยู่ด้วย พอไปอยู่ได้ไม่นานลูกชายก็พากลับมาส่งที่บ้านเดิมและถูกลูกสาวทำร้ายทุบตีอีก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ขณะที่ นางอัญชรินทร์ กลิ่นศิริ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พิษณุโลก กล่าวว่า วันนี้หลังจากเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบแล้วได้พูดคุยทำความเข้าใจกับนางมาลี ผู้เป็นแม่ และนางเฉลียว ลูกสาว ว่าจะต้องขอพาตัวแม่ไปตรวจสภาพร่างกายที่โรงพยาบาลพุทธชินราช และให้ไปอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พิษณุโลก แต่นางเฉลียว ลูกสาว ไม่ยินยอมพร้อมกับบอกว่าไม่มีใครสามารถเลี้ยงดูแม่ตนเองได้ มีแต่ตนเองเท่านั้นที่ดูแลแม่ได้ ตลอดเวลาไม่เคยให้แม่อดอยาก แต่ด้วยพฤติกรรมความรุนแรงที่ปรากฏออกมานั้น ซึ่งก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ก็เคยเข้ามาตักเตือนแล้วหลายรอบ เจ้าหน้าที่จึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนและขอร้องให้นางเฉลียวไปบำบัดอาการติดสุราเรื้อรังด้วย เนื่องจากเวลาเมาทีไรมักจะทำร้ายทุบตีแม่ของตนเองเป็นประจำ ส่วนเรื่องการดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด จะต้องมีการเรียกตัวไปสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง.
…………………………………………………………………………….