วันที่ 22 ก.พ. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเหตุสลดใจของนายกัณตภณ แป้นวงศ์ หรือเฮียตี๋ อายุ 40 ปี เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองกัณตภณออโต้ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่กินยาฆ่าตัวตายแล้วใช้เตาอั้งโล่รมควันพร้อมกับคนในครอบครัวจนเสียชีวิตรวมกันถึง 5 ศพ ประกอบด้ว ย นายกัณตภณ แป้นวงศ์ หรือเฮียตี๋ อายุ 40 ปี นางสุนิสา แป้นวงศ์ อายุ 60 ปี มารดาเฮียตี๋ น.ส.สุธิพร แป้นวงศ์ อายุ 45 ปี พี่สาวเฮียตี๋ นางยอดขวัญ แป้นวงศ์ อายุ 41 ปี ภรรยา และ ด.ช.รชฏ แป้นวงศ์ อายุ 13 บุตรชาย พร้อมสุนัขอีก 6 ตัว พันธุ์บีเกิล 2 ตัว ชิชุ 3 ตัว ปอมปอม 1 ตัว ภายในห้องพบยานอนหลับชนิดกล่อมประสาทวางอยู่ในห้อง และมีเตาอั้งโล่ที่ใช้จุดรมควันเหลือเพียงกองเถ้าถ่านวางอยู่ในห้องน้ำซึ่งเปิดประตูเอาไว้ด้วย คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. ของวันนี้กลุ่มเจ้าหนี้ของนายกัณตภณ แป้นวงศ์ หรือเฮียตี๋ จำนวนกว่า 10 คน ได้รวมตัวกันไปที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก เพื่อนำหลักฐานและเอกสารและข้อมูลเกี่ยวกับการกู้เงินของเฮียตี๋ไปลงบันทึกประจำวัน เพื่อเป็นหลักฐานและเพื่อความบริสุทธิ์ใจว่ามูลเหตุที่เกิดขึ้น นำโดยนายภิชาติ อมรรุ่งรัศมี ญาติพี่น้องของเฮียตี๋ และให้ยืมเงิน กล่าวว่า ตนเองนั้นได้นำเงินมาลงทุนร่วมกับนายกัณตภณ หรือตี๋ และให้ยืมเงินมาโดยตลอด ซึ่งตนเองนั้นก็โน้ตเอาไว้และมีการคืนเงินเมื่อไร นอกจากนี้น้องสาวของตนเอง เฮียตี๋ ก็ไปขอยืมไป มีหลักฐานการยืมเงินอีกกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งตนเองและเพื่อนที่เป็นเจ้าหนี้เฮียตี๋ อยากสบายใจ จึงนำหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่
ด้านนายธงชัย แป้นวงศ์ หรือ ตี๋สั้น อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ 1 ต.พลายชุมพล อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นพ่อของนายกัณตภณ ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน พร้อมขอเอกสาร เพื่อนำไปประกอบในการรับศพทั้งหมดที่นิติเวช โรงพยาบาลพุทธชินราช และนำไปทำเพ็ญกุศล จากนั้นนายธงชัย กล่าวว่า ตนเองยังไม่ปักใจเชื่อสาเหตุการตายของลูกชายและครอบครัว ซึ่งอาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ซึ่งตนเองถึงแม้ว่าจะแยกครอบครัวกันอยู่ แต่ก็ติดต่อกันตลอดเวลา คนภายนอกจะไม่รู้เรื่อง ลูกชายมีปัญหาเรื่องหนี้สิน 1-2 ล้าน ตนเองก็หยิบยื่นให้ เพราะการทำธุรกิจก็ต้องมีเงินหมุนเวียนเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะมาบอกว่าลูกชายติดหนี้สิ้นนับ 10 ล้านบาท ตนไม่เชื่อแต่อย่างใด อีกทั้งสาเหตุการตายก็ไม่ชัดเจน จะต้องมีการผ่าพิสูจน์จากแพทย์นิติเวช ให้ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากลูกสาวก็จบปริญญาโท จากลอนดอน สายภาษา ส่วนลูกชายก็จบเตรียมทหาร ก็คิดว่าไม่น่าจะคิดสั้นเช่นนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วจำนวน 3 ปาก ซึ่งก็ได้ข้อมูลมามากพอสมควร ว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตนั้นไปกู้เงินจากธนาคารใดบ้าง ส่วนเงินกู้นอกระบบนั้นก็เป็นกลุ่มของเพื่อนฝูงที่รู้จักกันจำนวนรวมถึงมากกว่า 10 ล้านบาท มีการเสียดอกเบี้ยต่อเดือนถึงหลักแสน จึงอาจจะทำให้หมุนเงินทางธุรกิจหลายอย่างที่เพิ่งลงทุนไปไม่ทัน อาทิ เต็นท์รถยนต์มือสอง สถานตรวจสภาพรถเอกชน ร้านกาแฟ ธุรกิจส่งน้ำแข็ง เป็นต้น จึงมุ่งไปที่ประเด็นการฆ่าตัวตายจากปัญหาหนี้สิน ส่วนผลชันสูตรของแพทย์ระบุว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งหมดสูดดมสารพิษเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่มาก อีกทั้งในห้องที่เกิดเหตุมีการนำเอาถุงพลาสติกปิดช่องระบายอากาศเอาไว้ เพื่อมิให้ก๊าสคาร์บอนไดซ์ออคไซด์ จากเตาอั้งโล่ ออกไปด้านนอกได้ ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เสียชีวิตตามธรรมชาติทั่วไปแผ่นหลังจะมีเลือดตกสีดำคล้ำ แต่ถ้ามีสารพิษเข้าสู่ร่างกายที่แผ่นหลังจะมีเลือดตกเป็นสีแดงสด จึงสอดคล้องกับหลักฐานทางนิติเวชในที่เกิดเหตุ
…………………………………………………………………………….