วันที่ 24 มกราคม 2563 ที่บิ๊กไอซ์ฟาร์มควายไทย หมู่ 1 ต.ทับยายเชียง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก นายสมบัติ ทำละเอียด เจ้าของบิ๊กไอซ์ฟาร์มควายไทย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้มีลูกค้ามาเยี่ยมชมฟาร์มและเห็นว่า ลูกควาย 2 ตัว ที่เพิ่งคลอดมาได้เพียง 10 วัน คือ น้องขวัญใจ และ น้องมหาชน เป็นลูกควายไทยที่มีลักษณะดี ขนสีทอง จึงได้เจรจาเพื่อขอซื้อลูกควายทั้ง 2 ตัวไป โดยลูกควายทั้ง 2 ตัว เกิดจากพ่อพันธุ์ เจ้าเก้าเจริญ เป็นควายไทยรูปหล่อที่สุดของประเทศไทยเมื่อปี 2562 น้ำหนักตัว 1,400 กิโลกรัม ซึ่งมีค่าตัวสูงถึง 20 ล้านบาท และเจ้าของไม่ยอมขายให้ใคร โดยลูกควายตัวแรก เกิดจากพ่อพันธุ์ เจ้าเก้าเจริญกับแม่พันธุ์เนื้อทอง ซึ่งคลอดลูกเป็นตัวเมียมีชื่อว่า “น้องขวัญใจ” ส่วนลูกควายอีกตัวเป็นตัวผู้ที่เกิดจากพ่อพันธุ์เจ้าเก้าเจริญกับแม่พันธุ์ ถุงทอง ได้ลูกชื่อว่า “น้องมหาชน”
นายสมบัติ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ซื้อไปไม่ถือว่าเป็นเกษตรกร แต่เป็นคนทำหมู่บ้านจัดสรร ที่มีความชื่นชอบควายไทยตั้งแต่เด็ก มีความตั้งใจและมีความสนใจที่จะอนุรักษ์ควายไทยให้ยั่งยืน เมื่อลูกค้ามีความสนใจทาบทามเพื่อขอซื้อลูกชายทั้ง 2 ตัว ตนได้ปรึกษากับครอบครัวก่อนตัดสินใจแบ่งลูกควายทั้ง 2 ตัวให้ โดยถ้าแบ่งได้อยากได้บุตรหรือหลานแต่ละตัว ส่วนราคาจะให้เท่าไหร่ก็แล้วแต่คนซื้อ ปรากฏว่าคนซื้อเสนอให้ราคามาในราคาตัวละ 1,090,000 บาท นับว่าราคาค่อนข้างสูง และเป็นประวัติศาสตร์ของลูกควายไทยที่ตัวเล็กอายุเพียง 10 กว่าวัน แต่มีราคาตัวค่าตัวถึงล้านกว่าบาท หลังจากนี้ทางฟาร์มยังคงเลี้ยงดู “น้องขวัญใจ”และ “น้องมหาชน”ต่ออีก 10-12 เดือน ก่อนส่งมอบให้กับลูกค้
สำหรับราคาควายไทย มีทุกราคา ราคาระดับรากหญ้า 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท หรือ ราคาหลักแสนบาท ซึ่งราคาขายควายไทยเป็นราคาที่ตั้งขึ้นเอง ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ขายและผู้ซื้อ แต่ปัจจุบันยอมรับว่าราคาควายมีราคาค่อนข้างสูง ส่วนเกษตรกรรายใด ที่มีปัจจัยน้อยต้องการสายพันธุ์ควายไทยที่ดี ก็สามารถซื้อน้ำเชื้อพ่อพันธุ์ เพื่อไปต่อยอดพัฒนาสายพันธุ์ได้ โดยน้ำเชื้อ ของ “เจ้าเก้าเจริญ” ที่ บิ๊กไอซ์ฟาร์มควายไทย มีจำหน่ายในราคาชุดละ 500 บาท ส่วนราคาสูงสุดของควายในฟาร์มที่เคยขาย เคยขายได้ถึงตัวละ 6,300,000 บาท ซึ่งระยะเวลาการเลี้ยงควายไทยต้องใช้เวลา 2-3 ปีจึงจะสามารถขายได้ โดยต้นทุนค่าอาหารไม่สูงมาก อยู่ที่ตัวละ 2-3 หมื่นบาท แต่หากพื้นที่ใดมีทุ่งหญ้าไห้ควายได้แทะเล็ม ก็จะสามารถประหยัดค่าอาหารลงได้มาก
นายสมบัติ กล่าวว่า สำหรับตลาดควายไทยเมื่อปีที่ผ่านมา มียอดการสั่งจองค่อนข้างเยอะเกษตรกรรายใหม่หันมาเลี้ยงควายไทยเพิ่มมากขึ้น มีการสั่งซื้อควายไทยส่งไปยังต่างประเทศ ภาพรวมตลาดควายไทยทั้งประเทศค่อนข้างดี มีจำนวนควายไทยมากกว่าล้านตัว แต่สำหรับบิ๊กไอซ์ฟาร์มควายไทย ปัจจุบันมีการเลี้ยงควายเหลือเพียง 110 ตัว ถือว่าน้อยกว่าเพราะช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ที่มีการเลี้ยงควายมากถึง 275 ตัว สาเหตุที่มีจำนวนลดลง เนื่องจากสภาพพื้นที่ฟาร์มค่อนข้างคับแคบ อีกทั้งส่วนหนึ่งมาจากเกษตรกรทำนามากถึง 3 ครั้ง แต่ปีนี้ภัยแล้งงดการทำนา ก็เป็นโชคดีควายจะมีหญ้าแทะเล็มกิน ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วย
ควายที่เลี้ยงในฟาร์ม บิ๊กไอซ์ฟาร์มควายไทย ทั้งหมดเป็นควายไทยที่มีการปรับปรุงสายพันธุ์ มาแล้ว โดยแต่ละตัวเลี้ยงเพียง 2-3 ปี จะมีขนาดใหญ่ น้ำหนักตัวเฉลี่ยต่อตัวมากกว่า 1,000 กิโลกรั
////////