วันที่ 20 มกราคม 2563 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก มีกลุ่มผู้เสียหายจากการรับงานไปทำงานที่บ้าน แล้วถูกเจ้าของธุรกิจที่เชิญชวน ปิดกิจการหนี ทำให้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก มูลค่าเงินทุนที่จมไปกับเจ้าของธุรกิจร่วม 7 ล้านบาท เดินทางมาร้องทุกข์ต่อตำรวจภูธรภาค 6 เนื่องจากตัวเจ้าของธุรกิจ มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร โดยกลุ่มผู้เสียหายที่มาร้องทุกข์นี้ มาจากทั่วประเทศ ทั้งกรุงเทพ ภาคกลาง ภาคเหนือ รวมถึงมีเอกสารจากผู้เสียหายอื่น ๆ ที่มอบฉันทะให้มาร้องทุกข์ด้วย มีพ.ต.ท.สมพร จงภัทรอนันต์ รองผกก.ฝอ. 1 ตำรวจภูธรภาค 6 มาสอบปากคำและรับเรื่องร้องทุกข์
ผู้เสียหายได้เตรียมเอกสารมาร้องทุกข์มาจำนวนมาก ทั้งจากการแค็ปหน้าจอโทรศัพท์การประสานงานทางกลุ่มไลน์กับเจ้าของกิจการที่จ.กำแพงเพชร ช้อมูลของการทดทะเบียนการค้า ที่เชิญชวนให้มาร่วมทำงาน คือ เอสเอฟช็อป ( SF SHOP ) ชื่อบัญชีผู้รับโอนเงินในการสั่งอุปกรณ์ ชื่อบัญชีผู้โอนเงินกลับคืนมาเป็นค่าจ้างให้ผู้เสียหาย รวมถึงชื่อผู้เสียหาย ที่รวบรวมได้ 223 คน จากผู้เข้าร่วมรับจ้างทำงานที่บ้านจำนวนประมาณ 2,000 กว่าคน จำนวนเงินทุนที่เสียหายของแต่ละคน รวมยอดที่รวบรวมความเสียหายได้ 7.98 ล้านบาท
สำหรับลักษณะงานที่ทำ เอสเอฟช็อป ช่วงกลางปี 2562 มีการประกาศเชิญชวนทางเฟซบุ๊ค รับสมัครผู้สนใจทำงานที่บ้าน เพื่อให้สมาชิก คัดแยกลูกปัด คัดแยกดอกมะลิ คัดแยกดาวกระจาย แพ็คใส่ถุง จากนั้นจะตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมาเพื่อติดต่อกับผู้รับงานไปทำ แต่ละกลุ่มไลน์จะมีสมาชิกประมาณ 300-500 ราย ข้อมูลที่ผู้เสียหายแจ้ง ระบุว่า มีการตั้งไปแล้วจำนวน 5 กลุ่มไลน์ และจะมีการประกาศแจ้งลักษณะงานแต่ละโปรออกมา อาทิ โปรดาวกระจาย ค่าอุปกรณ์ 700 บาท นับคละสี 10 ชิ้นต่อถุงซิบ รับค่าแรง 1,000 บาท งานรอบเดียว จำกัดคนละ 5 โปร เมื่อผู้สนใจทำ ก็จะส่งข้อมูลติดต่อกันทางกลุ่มไลน์ และโอนเงินไปยังเอสเอฟช็อป ซึ่งจะส่งอุปกรณ์มาให้ทางไปรณีย์ เมื่อทำงานเสร็จแล้ว ผู้รับจ้างก็จะแพ็คใส่กล่องส่งกลับไปยังเอสเอฟช็อป ข้อมูลที่ผู้เสียแจ้งส่วนใหญ่ในการทำงานรอบแรก จะได้รับเงินค่าจ้างกลับมา และได้รับการเชิญชวนทำโปรต่อไป คราวนี้ก็จะสั่งโปรเพิ่มขึ้นมาอีก หลายรายมีการเชิญชวนระดมทุนจากญาติ เพื่อนฝูง เพื่อสั่งงานที่มาทำ และจะเริ่มมาสะดุดในการรับเงินคืนในงวดที่สองและงวดที่สาม กระทั่งล่าสุดวันที่ 7 ธันวาคม 2562 เอสเอฟช็อปได้ประกาศแจ้งทางกลุ่มไลน์ ระบุว่า ไม่สามารถจ้างงานเพิ่มได้แล้ว เนื่องจากบริษัทที่รับงานจากจีนหยุดรับงาน จะดำเนินการจ่ายเงินทุนคืนให้สมาชิก และต่อมาก็เริ่มเข้ามาปิดกลุ่มไลน์ และขาดการติดต่อไปเลย
น.ส.ภัทราพร ขำส่งลักษณ์ หนึ่งในผู้เสียหายจากกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เห็นมีการโพสต์เชิญชวนในเฟซบุ๊ค และเคยทำงานร่วมกันมาก่อนในแบรนด์อื่น จึงสนใจว่าจะทำเป็นรายได้เสริม แรก ๆ จ่ายเงินดี แต่ระยะหลังมาแจ้งว่า ของส่งออกไม่ได้ และต่อมาก็แจ้งปิดกิจการ จะคืนเงินทุนให้ แต่สุดท้ายก็มีการมาลบกลุ่มไลน์ไปเลย ไม่สามารถติดต่อได้ โชคดีที่เรารวบรวมกันและช่วยกันแค็ปไว้ จึงมีหลักฐานมาร้องเรียนในวันนี้ สำหรับตน มีทุนที่เสียหายไปประมาณ 300,000 กว่าบาท เพราะเชิญชวนเพื่อน ๆ และกลุ่มญาติมาร่วมลงทุนด้วย
น.ส.ภพรวี สีมาวิจัย ผู้เสียหายจากจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า เคยได้ยินข่าวมาเหมือนกันว่าการทำงานที่บ้านลักษณะนี้มีการโดนหลอกมาแล้ว แต่สำหรับตนเชื่อใจเขา เพราะก่อนทำก็มีการถามทุกอย่างว่า มีการทำจริง ซื้อจริง และรู้จักกันมาก่อน ก็วิดีโอคอลไปสอบถามกับเขาเพื่อความแน่ใจ เขาอ้างว่าเป็นเจ้าของโรงมัน โรงงานรับซื้อของเก่า ที่กำแพงเพชร รับประกันถ้าไม่ได้เงินจะชดเชยให้ เลยมั่นใจในสิ่งที่คิดว่าเขาไม่โกงเรา เริ่มเปิดบิลก่อน 15,000 บาท รวมแล้วเสียหายประมาณ 58,000 บาท และเท่าที่รวมรวมจากไลน์กลุ่มมาได้ มีผู้เสียหาย 223 คน เสียหายร่วม 7.9 ล้านบาท
พ.ต.ท.สมพร จงภัทรอนันต์ รองผกก.ฝอ. 1 ตำรวจภูธรภาค 6 เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากกลุ่มผู้เสียหายแล้ว ตำรวจภูธรภาค 6 จะดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง และเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อสั่งการลงไปว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร สำหรับผู้เสียหายทั้งหมด ได้แนะนำให้กลับไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของกิจการในพื้นที่ตามภูมิลำเนาของตน
……………………………………………………………………..