ชาวสวนปาล์ม 4 ภาคปลื้มรมว.พลังงานส่งเสริมน้ำมันดีเซล B10 ดันราคาปาล์มพุ่งต่อเนื่อง 

นางจุติมา เจือกโว้น ผู้ช่วยฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันในจังหวัดตรังได้ปรับสูงขึ้นเช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ซึ่งในสวนปาล์มของตนที่มีอยู่จำนวน 100 ไร่ ก็ยังพอมีปาล์มขายอยู่บ้างนิดหน่อย ไม่มาก ตัดขายอยู่ที่ 7 บาทกว่าต่อกิโลกรัม เพิ่มสูงขึ้นจาก 1- 2 เดือนก่อนอยู่ 2 บาทต่อกิโลกรัม แต่เมื่อเทียบกับต้นทุนของเกษตรกรอยู่ที่ 3.80 บาทต่อกิโลกรัม ก็ถือว่าเกษตรกรชาวสวนปาล์มมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ก็ดีกว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ปาล์มราคาตกต่ำ ทำให้ชาวสวนปาล์มต่างประสบปัญหาขาดทุนกันถ้วนหน้า

“ราคาปาล์มน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นเพราะนโยบายนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีนโยบายนำน้ำมันปาล์มไปผสมกับดีเซลทำเป็นน้ำมันดีเซล B10 ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น พอยิ้มได้บ้าง จากเดิมที่ขาดทุนทุกๆ ปี ตอนนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้กลายเป็นขวัญใจเกษตรกรชาวสวนปาล์มไปแล้ว

นางจุติมา กล่าวอีกว่า ในช่วงปลายเดือนมกราคม นี้ เป็นช่วงเริ่มต้นปาล์มฤดูกาลใหม่ที่จะออกสู่ตลาดไปจนถึงเดือนเมษายน ตนก็หวังว่าในช่วง 5-6 เดือนนี้ราคาปาล์มน้ำมันยังจะดีอยู่ต่อเนื่อง เพื่อจะช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกร จึงขอฝากรัฐบาลช่วยตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มป้องกันกลุ่มพ่อค้ากักตุนด้วย เพื่อจะได้ไม่เป็นข้ออ้างในการนำเข้าจากต่างประเทศ

นายประดิษฐ์ วิไลรัตน์ เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันจังหวัดสงขลา กล่าวเสริมว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำมากอยู่ที่ 1.80 บาทต่อกิโลกรัม แต่เกษตรกรมีต้นทุนอยู่ที่ 3 บาทกว่าต่อกิโลกรัม เมื่อถึงเวลาตัดปาล์มขายทำให้มีความรู้สึกหดหู่มาก พอกระทรวงพลังงานมีนโยบายส่งเสริมน้ำมันดีเซล B10 ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันได้รับอานิสงส์มีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานตรงนี้มันได้ใจเกษตรกร ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจับต้องได้จริงๆ

ด้านนายกิตติชัย ศูนย์จักร เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในอำเภอนิคมน้ำอูน จังหวัดสกลนคร กล่าวว่า ตนเป็นเกษตรกรปลูกปาล์มคุณภาพในจังหวัดสกลนคร จนได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นสาขาทำสวนปาล์ม วันนี้ราคาปาล์มน้ำมันมีราคาดีขึ้นเกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ เพราะกระทรวงพลังงานมีนโยบายนำน้ำมันปาล์มไปผสมดีเซลทำเป็นน้ำมันเซล B10 ถือว่าเป็นนโยบายที่เดินทางมาถูกต้องแล้วและขอให้ทำต่อไป เพราะวันนี้ราคาปาล์มน้ำมันขยับขึ้นไปถึง 6.80 บาทต่อกิโลกรั

อย่างไรก็ตาม ในฐานะตัวแทนเกษตรกรปลูกปาล์มทางภาคอีสาน ขอฝากถึงรัฐบาลช่วยดูแลราคาปาล์มภาคอีสานให้ขายได้เท่าๆ กับทางภาคใต้ด้วย เพราะทุกวันนี้ยังขายต่ำกว่าภาคใต้ประมาณ 1 บาท เช่น ก่อนหน้านี้ภาคใต้ขายกันอยู่ที่ 2.80 บาทต่อกิโลกรัม ที่จังหวัดสกลนครก็จะขายได้อยู่ที่ 1.80 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งที่ต้นทุนการปลูกสูงกว่า เพราะต้องสูบน้ำบาดาลขึ้นมาดูแล สาเหตุอาจจะเป็นเพราะในจังหวัดสกลนครมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพียง 3 แห่งเท่านั้น คือ มีตั้งอยู่ที่อำเภอนิคมน้ำอูน อำเภอบ้านม่วง และอำเภอคำตากล้า ทำให้ไม่มีการแข่งขันกันแย่งซื้อปาล์มจากเกษตรกร จึงขอฝากรัฐบาลช่วยดูแลตรงนี้ด้วย

ทางด้านความเคลื่อนไหวของเกษตรกรปลูกปาล์มน้ำมันภาคกลาง นางอรุณี ชีสังวรณ์ เลขาธิการสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่ราคาปาล์มน้ำมันปรับขึ้นวันละ 10-20 สตางค์ ทำให้ราคาขยับมาอยู่ที่ 6.30 บาทต่อกิโลกรัม วันนี้เกษตรกรยิ้มได้แล้ว และขอให้ราคาสูงขึ้นต่อเนื่องตลอดช่วงฤดูปาล์มออกสู่ตลาดเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ที่จะถึงนี้

“เกษตรกรสวนปาล์มที่สระบุรีมีการรวมตัวกัน เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองในการขายให้โรงงานอยู่ที่ 6.30 บาทต่อกิโลกรัม แต่ก็ยังต่ำกว่าปาล์มน้ำมันภาคใต้ที่ขายกันอยู่ที่ 7.50-7.60 บาทต่อกิโลกรัม จึงขอฝากรัฐบาลช่วยดูแลตรงนี้ รวมถึงการควบคุมพื้นที่เพาะปลูกปาล์มทั่วประเทศหลังจากนี้ เนื่องจากถ้าปีนี้ปาล์มน้ำมันมีราคาดีเชื่อว่าจะมีเกษตรกรจำนวนมากโค่นพืชเกษตรชนิดอื่นๆ ทิ้งแล้วหันมาปลูกปาล์มน้ำมันแทน ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาปาล์มน้ำมันล้นตลาด จากเดิมที่มีการปลูกอยู่เพียง 4.7-5 ล้านไร่เท่านั้น”

ขณะที่นางวราภร อินต๊ะแสน เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันที่จังหวัดพะเยา กล่าวว่า ช่วงปี 61-62 ราคาปาล์มน้ำมันที่ภาคเหนือตกต่ำมากโดยที่พะเยาขายกันอยู่ที่ 1.70 บาทต่อกิโลกรัม แต่ต้นทุนสูงเกือบ 3 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อขายไปก็ขาดทุน จึงได้หันมาทำเป็น B100 เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงรถไถ และเครื่องสูบน้ำ จนกระทั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนปัจจุบันได้มีนโยบายส่งเสริม B10 ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันได้ขยับสูงขึ้นทันทีเกือบ 5 บาทต่อกิโลกรัม ต้องขอขอบพระคุณท่านเป็นอย่างมากที่มีนโยบายสร้างรายได้เกษตรกรให้ดีขึ้น ตอนนี้ท่านได้เป็นขวัญใจเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่ยากจนทุกคน และขอฝากรัฐบาลดูแลตลาดให้มีราคาดีแบบนี้ต่อเนืี่องตลอดฤดูใหม่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน นี้ เพื่อเกษตรกรจะได้ปลดหนี้ปลดสินกัน โดยเฉพาะการป้องกันการลักลอบนำเข้า เพราะตอนนี้ราคาในประเทศไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก

……………………………….

แสดงความคิดเห็น