วันที่ 5 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปริมาณน้ำในแม่น้ำน่าน ได้ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย สาเหตุจากเขื่อนหลักอย่าง เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ได้ปล่อยน้ำตามนโยบายของกรมชลประทาน เพื่อรักษาระบบนิเวศน์และเพื่อเร่งผลักดันน้ำเค็มทะเลอ่าวไทยนั้น ส่งผลให้เกษตรกรที่เลี้ยงปลาในกระชัง พื้นที่ หมู่ 1 หมู่ 2 และ หมู่ 3 ต.บ้านไร่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก จำนวนกว่า 100 ราย บริเวณสองฝั่งริมแม่น้ำน่านได้รับผลดี นำปลาลงกระชังเพื่อเลี้ยงใหม่
นางศิริรัตน์ เลขพัฒน์ เลขที่ 96 ม.1 ต.บ้านไร่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในพื้นที่ ต.บ้านไร่ เลี้ยงปลาไว้กว่า 300 กระชัง ประกอบด้วย ปลานิล ปลาทับทิม และปลากดคัง ได้บอกว่าหลังจากที่ทางเขื่อนใหญ่ได้ปล่อยน้ำช่วยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและเพื่อผลักดันน้ำเค็มที่ทะเลอ่าวไทย ทำให้ตนเองเพิ่มจำนวนการเลี้ยงปลามากขึ้นเพราะช่วงนี้น้ำมามากขึ้น ทำให้ปลาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งตนเองได้เลี้ยงปลาเอาไว้จำนวน 3 ชนิด คือ ปลาทับทิม ปลานิล และปลากดคัง ซึ่งในช่วงน้ำเยอะไม่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของปลาในกระชังแต่อย่างใด และในช่วงนี้ราคาปลาดีพอสมควร โดยปลาทับทิมอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 77 บาท ปลานิลราคากิโลกรัมละ 70 บาท และปลากดคังราคากิโลกกรัมละ 90 บาท ส่วนใหญ่จะส่งขายในจังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียง และในช่วงน้ำมาใหม่นี้ ไม่ส่งผลให้ปลากระชังตายเหมือนก่อน เนื่องจากเกษตรกรได้ดูแลและบำรุงพันธุ์ปลามากกว่าเดิม เพื่อให้ปลาที่เลี้ยงไว้ทนต่อน้ำใหม่ และโรคต่างๆ ทำให้เกษตรกรเลี้ยงปลาในพื้นที่ อ.บางกระทุ่ม สามารถเลี้ยงปลาในกระชังได้ตลอดทั้งปี แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ถ้าน้ำไม่มี หรือ ทางเขื่อนใหญ่ไม่ปล่อยน้ำ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรเดือดร้อนได้ อยากให้ทางเขื่อนมีการบริหารจัดการน้ำที่แน่นอน และแจ้งเกษตรกรให้ทราบในการจัดส่งน้ำเพื่อป้องกันการเสียหาย.
สำหรับการปล่อยน้ำลงสู่แม่น้ำน่านจ.พิษณุโลก เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาตรน้ำใช้การได้ 1,927 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 28.93 % ระบายน้ำวันละ 9.23 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก มีปริมาตรน้ำใช้การได้ 384 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 42.94 % ระบายน้ำวันละ 1.12 ล้านลูกบาศก์เมตร
……………………………………………………….