14 พ.ย. 2562 ที่ชุมชนบ้านเหนือ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก บ้านไม้สักรูปทรงแปลก มีผนังบ้าน 6 เหลี่ยม ที่ก่อนหน้านี้มีถึง 8 เหลี่ยม อายุ 130 ปี เป็นบ้านหลังเดียวของเมืองพิษณุโลกที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 152 ต.บางระกำ กำลังมีการปรับปรุงและพัฒนาให้กลับมีชีวิตอีกครั้ง หลังจากคุณลุงสณัฐ อำไพพงษ์ ราชการบำนาญที่ภายหลังเกษียณอายุราชการจากการท่าเรือ ผู้เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลอำไพพงษ์ได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด และอนุรักษ์บ้านทรงโบราณหลังนี้ไว้ประชาชน อาจารย์ นักศึกษาได้เข้าชมหลายปีแล้ว แต่หลังจากคุณลุงสณัฐ เสียชีวิตลงเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ด้วยวัย 79 ปี บ้านหลังนี้ก็ปล่อยทิ้งรกร้าง ไม่มีผู้ดูแลต่อ สภาพหน้าบ้านเต็มด้วยวัชพื
ขณะนี้ทายาทรุ่นที่ 4 พ.อ.อ.นิธิศ ธนะชูติวีรนันท์ อายุ 37 ปี อดีตทหารอากาศที่ลาออกจากราชการและกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดอ.บางระกำ ได้เข้ามาปรับปรุงบูรณะบริเวณบ้าน เพื่อจะเปิดโอกาสให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้เข้าชมบ้านโบราณอายุ 130 ปีได้อีกครั้ง ปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณด้านหน้า ถากถางวัชพืช เตรียมมุมกาแฟ พร้อมเปิดต้อนรับให้ผู้สนใจเข้าชมฟรีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
พ.อ.อ.นิธิศ หรือ เฟริส เปิดเผยว่า บ้านหลังนี้เดิมตั้งอยู่ริมแม่น้ำยม อำเภอบางระกำ เดิมเป็นบ้านที่มีรูปทรง 8 เหลี่ยม ที่เป็นรูปทรงหนึ่งที่คนจีนโบราณเชื่อว่าจะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง ร่ำรวยและนำพาสิ่งดี ๆ อันเป็นสิริมงคลแก่การดำเนินชีวิต ภายหลังแม่น้ำยมเซาะตลิ่งเข้ามาใกล้ตัวบ้าน เจ้าของจึงได้ทำการย้ายให้ไกลออกมาจากฝั่ง โดยใช้วิธีย้ายแบบดีดบ้านและลากเลื่อนมา โดยไม่ต้องรื้อหรือเอาสิ่งของภายในบ้านออก และได้ปรับแบบบ้านให้เหลือเพียง 6 เหลี่ยม เพื่อให้เข้ากับพื้นที่ 300 กว่าตารางวาของบริเวณบ้าน และที่เห็นเด่นชัดและสะดุดตาแก่ผู้ผ่านไปมาในชุมชนคือ บานประตูเฟี้ยม ที่เป็นไม้สัก ที่มีความงดงามและยังรักษาได้ในสภาพ ที่ดี
เจ้าของบ้านหลังนี้คือนายเป้า หรือ ก๋งเป้า อำไพพงษ์ ( รุ่นที่ 1 ) ที่เกิดในบ้านหลังนี้เมื่อ 114 ปีก่อน หรือ พ.ศ.2448 ส่วนผู้สร้างบ้านหลังนี้คือบิดาของก๋งเป้า คือ แป๊ะส้มมุ้ย แซ่แต้ ที่มายึดอาชีพค้าขายในอำเภอบางระกำ จ.พิษณุโลก จึงประมาณการว่า การสร้างบ้านหลังนี้จะต้องสร้างก่อนก๋งเป้าเกิดประมาณ 15-16 ปี ปัจจุบันพ.ศ.2562 บ้านจึงมีอายุประมาณ 130 ปี
สำหรับตัวบ้าน จะมีบันไดขึ้นถึง 3 ทาง ภายในยังมีพวกข้าวของเครื่องใช้ ที่มีขนาดใหญ่เช่นตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ที่เป็นของโบราณมีอายุอยู่คู่บ้านมานาน พ.อ.อ.นิธิศ บอกว่า จากคำบอกเล่าของคุณลุงสณัฐ อำไพพงษ์ บ้านหลังนี้บรรพบุรุษได้ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่อีกรุ่น โดยใช้ช่างจากกวางตุ้ง สร้างจากไม้เป็นท่อน ๆ 60-70 ท่อนในสมัยก่อน มาเลื่อย ช่างต้องกางเต้นท์ทำกัน ใช้เวลาสร้างประมาณ 1 ปีกว่า หมดค่าจ้างสมัยนั้นประมาณ 8,000 บาท
พ.อ.อ.นิธิศ เผยต่อว่า ก่อนหน้านี้คุณลุงสณัฐ ที่เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ท่านได้ดูแลบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี หลังจากเกษียณแล้วได้เข้ามาพัฒนาและปรับปรุง เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้สนใจได้เข้าชม และท่านก็ดูแลบ้านหลังนี้มาตลอด แต่เมื่อลุงสณัฐเสียชีวิตลง บ้านหลังนี้ก็ถูกปล่อยรกร้างมาหลายเดือน ทายาทสายตรงของลุงสณัฐก็มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ตนจึงปรึกษาเครือญาติ เพื่อขอเข้ามาพัฒนาปรับปรุงบ้านหกเหลี่ยมให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยจะเปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่เวลา 08.00 –20.00 น. และเปิดมุมกาแฟให้ผู้สนใจได้สนับสนุน
สำหรับความน่าสนใจของบ้านหกเหลี่ยมโบราณ อายุ 130 ปี ที่หลงเหลือหนึ่งเดียวในจ.พิษณุโลก นอกจากความทนทานของไม้สัก ที่จะผ่านกาลเวลา และน้ำท่วมสูงบ่อยครั้ง แต่สภาพโครงสร้าง พื้น ผนังของบ้านยังมั่นคงแข็งแรง หลังจากที่ทายาทรุ่นที่ 4 เข้ามาปรับปรุงแล้ว จะเปิดให้ผู้สนใจได้ชมบริเวณตัวบ้านมากขึ้น เปิดบานประตูให้กว้างเพื่อรับลมได้มาก และพาชมของโบราณที่ตระกูลเก็บสะสมสืบทอดกันมาทั้งชั้นล้างและชั้นสองของบ้าน โดยเฉพาะบริเวณชั้น 1 นั้น มีโอ่งหยกโบราณให้ได้ชม เป็นสินค้าแลกเปลี่ยนการค้าของเมืองไทยและจีนในสมัยโบราณ ขณะที่ชั้นสองของบ้านที่มีบันไดขึ้นถึง 3 บันไดนั้น จะเปิดให้ขึ้นได้ 1 บันได ข้างบนเก็บสิ่งของโบราณหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์การค้าข้าวสมัยก่อน ของที่เก่าแก่ที่สุดคือผ้าลายปักจากเมืองจีน ที่มีอายุ 100 กว่าปี
และนอกเหนือจากจะเดินชมบริเวณระเบียงชั้นสองได้รอบบ้านแล้ว ยังมีช่องให้ขึ้นไปชมโครงสร้างหลังคาของบ้าน ที่ทำบันไดเพื่อปีนขึ้นไปดูโครงสร้างของบ้านหกเหลี่ยมได้ ที่บ้านสมัยปัจจุบัน ไม่มีการสร้างแบบนี้แล้ว เพราะจะสร้างปิดทึบด้วยแผ่นฟ้าทั้งหมด
สำหรับผู้สนใจจะเข้าชมบ้านโบราณทรงหกเหลี่ยม หกมุม สามารถเดินทางมาได้ที่อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ทางเข้าจะอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนบ่อวิทยศึกษา จะมีป้ายบอกว่า เข้ามาที่บ้านโบราณ หรือ ชุมชนบ้านเหนือ เมื่อเข้ามาจากถนนใหญ่ประมาณ 300 เมตร ก็จะพบบ้านหกเหลี่ยมอยู่ใกล้กับแม่น้ำยม
……………………………………………………………………