กองทัพภาคที่ 3 เตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาไฟป่าและแสดงผลงานการปฏิบัติหน้าที่

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 62 ที่ห้องอาหารสวนสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก   พลโท ธวัช ศรีสว่าง ที่ปรึกษาแม่ทัพภาคที่ 3  พล.ต.จาตุรงค์ เชื้อคำฟู ผบ.พล.พัฒนา 3  พลตรี วุฒิไชย อิศระ. ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ร่วมรับฟังการแถลงข่าว  โดยมี พันเอกรุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3  เป็นผู้แถลง การเตรียมความพร้อม ในการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก และคุณภาพอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ จ.เชียงราย, จ.เชียงใหม่, จ.ลำปาง, จ.ลำพูน จ.แม่ฮ่องสอน, จ.น่าน, จ.แพร่, จ.พะเยา และ จ.ตาก ในช่วงฤดูร้อนของทุกปีนั้น รัฐบาลได้มีความห่วงใยเกี่ยวกับปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน โดยแม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดการประชุมเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2562 ณ มณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช อำเภอเมือง จ.เชียงราย เพื่อหาแนวทางในการวางแผนและเตรียมการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในปี 2563 โดยมีแนวคิดในการบูรณาการการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ของทุกส่วนราชการ มาประยุกต์ร่วมกับประสบการณ์ที่ได้รับจากสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในปีที่ผ่านๆ มา พร้อมทั้งให้แต่ละจังหวัดได้กำหนดรูปแบบการแก้ไขปัญหาของแต่ละพื้นที่ ตามความแตกต่างหลากหลายทางภูมิประเทศ และภูมิสังคม เพื่อให้เห็นถึงการเตรียมการและความพร้อมในโอกาสต่อไปด้วยอย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันจะประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืนและถาวรได้นั้น ต้องเกิดจากความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการแก้ไขปัญหา โดยจะต้องประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เกิดจิตสำนึกมีความรักและหวงแหนป่าไม้ในบ้านเกิด รวมถึงให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ตลอดจนต้องมีการวางแผนในให้เป็นระบบแบบแผนตามลำดับขั้นตอนได้อย่างมั่นคงและทันถ่วงที   นอกจากนี้ ทางกองทัพภาคที่ 3 ได้จัดเฮลิคอปเตอร์ แบบ Bell – 212 จำนวน 1 เครื่อง จากชุดปฏิบัติการบิน  หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 กองกำลังผาเมือง ร่วมกับคณะแพทย์ของโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จ.แม่ฮ่องสอน ทำการบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน ดังนี้. โดยเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 กันยายน 2562 ทำการบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินซึ่งเป็นเด็กผู้ชาย อายุ 2 เดือน ซึ่งมีอาการหายใจหอบเหนื่อย ท้องอืดแน่น เห็นควรต้องนำส่งโรงพยาบาลแม่สะเรียงเป็นการเร่งด่วน โดยทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศยาน มาจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสล่าเชียงตอง ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ค่ายเทพสิงห์ ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีคณะแพทย์พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งรถพยาบาลฉุกเฉินจากโรงพยาบาลแม่สะเรียง และชุดเสนารักษ์ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ร่วมทำการช่วยเหลือผู้ป่วยนำส่งโรงพยาบาลแม่สะเรียงทำการรักษาต่อไปการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว กองทัพภาคที่ 3 ได้ปฏิบัติตามคำสั่งการของกองทัพบก/ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ในการช่วยเหลือประชาชนผู้ป่วยเจ็บกรณีฉุกเฉิน โดยการร้องขอของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โดยยึดถือบันทึกความตกลง (MOU) เรื่อง การปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินด้วยอากาศยาน  ของกระทรวงกลาโหม ระหว่างกระทรวงกลาโหม, กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เมื่อ 29 มิถุนายน 2552 ทั้งนี้จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน  ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพบก โดย กองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อม ที่จะสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ทางทหารในการช่วยเหลือประชาชนยามวิกฤตทุกโอกาสตามที่ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ได้มีนโยบายปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ โดยบูรณาการหน่วยงานที่มีภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้บุกรุก ยึดถือ ครอบครอง ทำลาย หรือด้วยการกระทำใดๆ อันเป็นการทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สภาพป่า โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในทุกพื้นที่นั้น มีรายละเอียดการดำเนินการปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ที่สำคัญ  เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2562  หลังจากที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดลำพูน ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลี้ บริเวณบ้านหล่ายท่า  ต.ป่าไผ่  อ.ลี้  จ.ลำพูน  จึงได้ประสานการปฏิบัติกับ หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ลี้ และวนอุทยานดอยเวียงแก้ว จัดกำลังพลเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว  จากการตรวจสถานที่พบว่า ต้นสักถูกตัดโค่นเป็นไม้สักท่อน จำนวน 62 ท่อน  ส่วนคนที่บุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่ป่าเพื่อลักลอบตัดต้นสักนั้น ยังไม่พบตัว  เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไม้ดังกล่าวไว้เป็นของกลางและแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปส่วนเหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2562  หลังจากที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย บริเวณบ้านขุนห้วยแม่แลบ   ต.แม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน จึงได้ประสานการปฏิบัติกับ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.11 (แม่ลาน้อย) จัดกำลังพลเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว จากการตรวจสถานที่พบ ไม้แปรรูป มีขนาด (กว้าง) 12 นิ้ว x (หนา) 1 นิ้ว ยาวประมาณ 2 – 3 เมตร จำนวน 25 แผ่น  ส่วนคนที่บุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่ป่าเพื่อลักลอบตัดและแปรรูปไม้สัก แต่ไม่พบตัวผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไม้ดังกล่าวไว้เป็นของกลาง และแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว  ต่อมาในวันที่ 16 กันยายน 2562 เจ้าหน้าที่ทหารจาก หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ยังได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดที่พบการลักลอบแปรรูปไม้ตามข้างต้น  ซึ่งพบ ไม้แปรรูป มีขนาด(กว้าง) 4 – 6 นิ้ว x (หนา) 1 – 2 นิ้ว ยาวประมาณ 3 เมตร อีกจำนวน 31 แผ่น  โดยไม่พบตัวผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไม้ดังกล่าวไว้เป็นของกลางและแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปส่วนการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทางกองทัพภาคที่ 3  โดยแม่ทัพภาคที่ 3 ได้มีนโยบายให้มีการบูรณาการงานด้านการข่าว เพื่อความมั่นคงของพลเรือน ตำรวจ ทหาร และทุกภาคส่วน  ในการดำเนินการ สกัดกั้น ปราบปราม และจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง ตั้งแต่พื้นที่แนวชายแดน จนถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ นั้น มีรายละเอียดการจับกุมยาเสพติดที่สำคัญ ดังนี้ โดยเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 16 กันยายน 62  ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ กองบังคับการควบคุมทหารพราน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 กองกำลังผาเมือง ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า จะมีขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาจากแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่  จึงจัดกำลังจำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ  ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด (ชั่วคราว) บนถนนสายแม่อาย – ดอยแหลม  บริเวณหน้าโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 30 ต.แม่อาย อ.แม่อาย  ซึ่งในขณะที่ปฏิบัติงานอยู่นั้นมีรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ขับผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อทำการตรวจค้น  แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมหยุด ได้เร่งความเร็วหลบหนีไป  เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตาม พร้อมขอกำลังสนับสนุนจากหน่วยต่างๆ  ให้ช่วยสกัดกั้นจับกุม  จนสามารถหยุดรถคันดังกล่าวได้ที่บริเวณตลาดป่าบง  ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่  ห่างจากจุดสกัดประมาณ 20 กิโลเมตร  ภายในรถยนต์มีคนขับและคนนั่งมาด้วยเป็นผู้หญิง รวม 2 คน  ทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่  จากการตรวจค้นรถยนต์พบ ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 2,500,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบวางไว้ที่กระบะท้ายรถ  เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวพร้อมตรวจยึดยาบ้าและรถยนต์ของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แสดงความคิดเห็น