วันที่ 1 ส.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาในพื้นที่หมู่ 9 ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ขณะนี้กำลังว่าจ้างรถเกี่ยวมาทำการเกี่ยวข้าวในนาของตัวเอง หลังจากได้ปลูกข้าวจนอายุครบกำหนด แต่ต้องประสบปัญหาจากภัยแล้งไม่มีน้ำใช้ทำการเกษตรกรรม และไม่ได้ผลผลิตตามที่ตั้งใจไว้ อีกทั้งยังประสบปัญหาข้าวดีด ข้าวเด้ง เนื่องจากเมื่อเมล็ดแก่ถูกลมพายุพัด และข้าวออกรวงไม่สม่ำเสมอ
นายเลี่ยม ช่างคง อายุ 56 ปี เกษตรกรชาวนา ต.ท่านางงาม กล่าวว่า ในวันนี้ตนเองได้ว่าจ้างรถเกี่ยวมาเกี่ยวข้าวในนาราคาไร่ละ 400 บาท หลังจากก่อนหน้านี้ได้หว่านเมล็ดข้าวพันธุ์ กข 61 ที่ปลูกเอาไว้จำนวนกว่า 16 ไร่ แต่ที่ผ่านมาต่างประสบปัญหาภัยแล้งทำนาได้ผลผลิตน้อย ซึ่งปกตินา 1 ไร่ จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 80 เกวียน แต่ในปีนี้ทำนาเกี่ยวข้าวได้เพียงไร่ละประมาณ 50 ถังเท่านั้น และยังประสบปัญหาข้าวดีด ข้าวเด้ง เมื่อนำไปขายให้กับโรงสีหักค่าความชื้นแล้ว 28% จะขายได้เพียงตันละ 6,000 -6,500 บาท แต่ก็ต้องยอมขาย นอกจากนี้ทราบจากประกาศของกรมอุตุฯ ว่าจะมีพายุโซนร้อน “วิภา” จะทำให้มีฝนตกหนักโดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ จึงตั้องเร่งว่าจ้างรถเกี่ยวข้าวเพื่อหนีลมพายุฝนให้ไวที่สุด เพราะข้าวในนามีอายุครบกำหนดจะเสียหายได
นายเลี่ยม เผยต่อว่า เมื่อถึงฤดูน้ำหลากช่วงเดือนสิงหาคม ปกติแล้วในพื้นที่อำเภอบางระกำ ชาวนาส่วนใหญ่จะไม่ทำนาต่อเนื่อง เพราะน้ำจากแม่น้ำยมจะหลากล้นตลิ่ง ท่วมขังนานเป็นวงกว้าง แต่ปีนี้จะลองเสี่ยงดู จะทำข้าวนาปีต่อเนื่องทันที ถ้าน้ำไม่มากเหมือนปีก่อน ยังพอมีโอกาสได้ข้าวไว้บริโภค และเห็นชาวนาหลาย ๆ คนก็เริ่มทำนาต่อเนื่องทันที
นายชำนาญ ชูเที่ยง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า พื้นที่ทำนาในลุ่มบางระกำโมเดล ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ และ อ.เมืองพิษณุโลก พื้นที่กว่า 326,000 ไร่ ขณะนี้ชาวนาพื้นที่ดังกล่าว ได้เร่งเก็บเกี่ยวตามโครงการบางระกำโมเดล 62 ขณะนี้ได้เก็บเกี่ยวแล้วกว่า 70 % และที่เหลือจะต้องเก็บเกี่ยวให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ส.ค. นี้ เพื่อให้ทันฤดูน้ำหลาก ที่คาดว่าจะฝนตกมากในช่วงกลางเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนนี้ ส่วนพายุ “วิภา” นั้น ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ได้รับผลกระทบเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามขอเตือนเกษตรกรในพื้นที่บางระกำโมเดล ไม่ควรทำนารอบต่อไป เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบน้ำท่วมได้
///////////