เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สะพานนเรศวร ซึ่งอยู่กลางใจเมืองพิษณุโลก เป็นสะพานข้ามแม่น้ำน่าน ระหว่างฝั่งทิศตะวันตกกับฝั่งทิศตะวันออก มีหน่วยงานสถานที่ราชการสำคัญทั้งอำเภอเมือง และศาลากลางจังหวัด ส่วนอีกฝั่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิคู่บ้านคู่เมือง คือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธชินราช เป็นจุดศูนย์กลางพุทธศาสนิกชนตลอดเวลาที่ผ่านมา สะพานนเรศวรเป็นจุดสำคัญในการติดตั้งโคมไฟ และประดับไฟสวยงาม ในช่วงเทศกาลงานต่างๆ ทำให้สะพานนเรศวรมีชีวิตชีวาในยามค่ำคืน โดยเฉพาะม่านน้ำตก ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์มาตั้งแต่ปี 2556 เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของจังหวัด ให้เกิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับรองนักท่องเที่ยว รวมถึงส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย พร้อมทั้งเพิ่มจุดสนใจในพื้นที่เขตเมืองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ในยามค่ำคืนที่สวยงามของเมืองสองแควที่ผ่านมาทางจังหวัดพิษณุโลก ได้มอบหมายให้วิทยาลัยเทคนิคสองแคว ร่วมกับ วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก เทศบาลนคร องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก โยธาธิการจังหวัด และแขวงการทาง รวมกันจัดสร้าง ม่านน้ำตก พร้อมประดับไฟ ทางด้านฝั่งของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ ระยะทางยาว 70 เมตร มีความสูงวัดจากระดับวางท่อ ถึงแม่น้ำน่าน ประมาณ 15 เมตร ใช้ท่อ พีวีซี ท่อนละ12 เมตร หลอดไฟฟลูออเรสเซนส์ แผงละ 3–5 หลอด จำนวน 60 แผง โดยใช้งบถึง 3,000,000 บาท และมีการเปิดใช้งานให้ประชาชน ได้ชมความสวยงามในค่ำคืน เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2556 เป็นครั้งแรก โดยมีนายปรีชา เรืองจันทร์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก สมัยนั้น เป็นประธานในพิธีเปิด สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมากแต่ปัจจุบันอุปกรณ์ม่านน้ำตก ถูกปล่อยทิ้งไม่มีการดูแลหรือรักษา หรือให้อยู่ในสภาพที่จะสามารถใช้งานได้อีกเลย เพราะไม่มีหน่วยงานไหนออกมารับผิดชอบ ทุกอย่างถูกทิ้งให้พังเสียหายใช้การไม่ได้ ไร้ประโยชน์อย่างที่เห็น เสียดายงบประมาณของแผ่นดินใช้ไปถึง 3 ล้านบาท น่าจะมีการแก้ไขปรับปรุงให้ดีเหมือนเดิม เพื่อจะสามารถเปิดใช้งานได้ตลอดเวลา ในช่วงที่มีการจัดงาน หรือมีเทศกาลสำคัญ เพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวและเป็นโปรโมทจังหวัดพิษณุโลก กระตุ้นเศรษฐกิจได้มากอีกด้วย