กองทัพภาคที่ 3 ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ช่วยเหลือภัยแล้ง

จากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นทางกองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้ง ศูนย์ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและภัยพิบัติอื่นๆ กองทัพภาคที่ 3 ขึ้น เร่งให้ความช่วยเหลือพื้นที่ใน 17 จังหวัดภาคเหนือที่ประสบภัยแล้ง เน้นแก้ปัญหาน้ำบริโภคเป็นหลัก เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนทิ้งช่วงแล้ว 5 จังหวัด หลายหน่วยงานบูรณาการหาทางช่วยเหลือ

วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ที่ห้องคชรัตน์ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 แถลงข่าวจัดตั้ง “ศูนย์ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและภัยพิบัติอื่นๆ กองทัพภาคที่ 3 เพื่อติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในเรื่องน้ำบริโภค ตามนโยบายของรัฐบาล

พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ทางกองทัพภาคที่ 3 จึงได้จัดตั้ง ศูนย์ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและภัยพิบัติอื่นๆ โดยมี แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นผู้บัญชาการศูนย์ติดตามสถานการณ์ฯ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าวโยมีภารกิจ คือ อำนวยการประสานงานและบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือและสนับสนุนการเข้าช่วยเหลือมอบน้ำอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนที่ประสบปัญหา / สนับสนุนการประชาสัมพันธ์และการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำทั้งภาครัฐภาคเอกชน และภาคประชาชนเพื่อผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนแก้ไขปัญหาภัยแล้ง

ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่3ได้มอบหมายให้มณฑลทหารบกทั้ง10 หน่วย ร่วมกับหน่วยขึ้นตรง กองทัพภาคที่3(กองพลทหารราบที่4 กองพลทหาราบที่7,กองพลทหารม้าที่1, กองพลพัฒนาที่ 3, และกองบัญชาการช่วยรบที่3)จัดตั้ง”ศูนย์ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและภัยพิบัติอื่นๆมณฑลทหารบก” เพื่อประสานการปฏิบัติร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 17 จังหวัด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการดังนี้ 1.พื้นที่ในเขตชลประทานโดยการบริหารจัดการน้ำใช้ทางการเกษตรและการทยอยปลูกพืชโดยใช้น้ำฝน 2.พื้นที่นอกเขตชลประทานโดยการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ, การสนับสนุนเครื่องมือ และรถบรรทุกน้ำ 3.ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีการปรับการใช้น้ำให้สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศและปริมาณน้ำตันทุนที่แท้จริง 4. การทำฝนหลวง 5.การบริหารจัดการน้ำฝนที่ตกลงมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด 6. การทำข้อมูลและแผนที่แสดงแหล่งน้ำบริเวณใกล้เคียงพื้นที่เสี่ยงในรัศมี50กิโลเมตรเพื่อวางแผนการป้องกันภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น 7. ให้หน่วยทหารร่วมกับส่วนราชการพิจารณาขุดบ่อบริเวณคลองหรือแหล่งน้ำซึ่งคาดว่าจะประสบปัญหาภัยแล้ง เป็นน้ำสำหรับใช้อุปโภค และ 8. เมื่อได้รับการร้องขอจากประชาชนให้หน่วยทหารดำเนินการสืบสภาพปัญหาตลอดจนขอบเขตของภัยที่เกิดขึ้นแล้วให้บูรณาการด้วยการระดมขบวนรถบรรทุกน้ำของทุกภาคส่วน เข้าไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างรวดเร็ว
สำหรับข้อมูลที่ได้รับเบื้องต้นในขณะนี้มีพื้นที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงและน้ำขาดแคลนได้เกิดขึ้นแล้วจำนวน 5 จังหวัด 9 อำแภอ ได้แก่ จ.กำแพงเพชร (อ.ทรายทองวัฒนา.อ.ไทรงามและอ.บึงสามัคคี) จ.ลำปาง (อำเภอเมือง และอำเภอเถิน) จ.พะเยา (อำเภอเมือง) จ.พิจิตร (อำเภอบึงนาราง และอำเกอวชิรบารมี) และ จ.สุโขทัย (อำเภอเมือง)

พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวต่ออีกว่า แม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้มณฑลทหารบกที่31 มณฑลทหารบกที่32,มณฑลทหารบกที่ 34,มณฑลทหารบกที่36 และมณฑลทหารบกที่39 เป็นผู้ดำเนินการและประสานการปฏิบัติ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร่งด่วนผ่านช่องทางของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและกระทรวงมหาดไทยต่อไป ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนประสบปัญหาภัยแล้งดังกล่าวในพื้นที่กรุณาแจ้งให้หน่วยงานทหารที่อยู่ใกล้บ้านหรือศูนย์ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและภัยพิบัติอื่นๆ กองทัพภาคที่ 3 ซึ่งตั้งอยู่ ณ หัองคขรัตน์ 2ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โทรศัพท์โทรสาร 05524 2859 ทราบ เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป
//////

แสดงความคิดเห็น