เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีนายไพศาล นุชพ่วง ข้าราชการบำนาญ กรมการข้าว อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/4 หมู่ที่ 3 ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.สุรพงษ์เหมือนศรีชัย ร้อยเวร สภ. เมืองพิษณุโลก ว่า บุตรชาย คือนายนราวิช รถพ่วง อายุ 27 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลกทำร้ายร่างกาย ชกเข้าที่เบ้าตาขวาแตกเย็บถึง 6 เข็ม เหตุเกิดเมื่อวันที่.28 มิ.ย.62 บริเวณศาลาที่พักริมทาง หน้าวัดพระขาวชัยสิทธิ์ ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นหลังจากที่นายนราวิช ได้ทำบาดแผลจากโรงพยาบาลพุทธชินราช ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวและตั้งข้อหา ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถที่ใช้ในการขนส่ง และขับรถในขณะที่มีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย และถูกควบคุมตัวไว้ที่ห้องขัง สภ.เมืองพิษณุโลก โดยในตอนเช้าวันที่ 29 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ได้นำตัวนายนราวิชญ์พ่วงส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก และได้รับการประกันตัวออกมาในวงเงิน 50,000 บาทนางสาวณิชาภัทร นุชพ่วง น้องสาวนายนราวิช ประกอบอาชีพทนายความ กล่าวภายหลังมาประกันตัวพี่ชายว่า ขณะนี้พี่ชายมีอาการปวดเบ้าตาและปวดหัวอยู่ตลอดเวลา ภายหลังที่ตำรวจคุมตัวไว้ไม่ได้หยอดตาตามหมอสั่ง เพราะถูกห้ามนำสิ่งของเข้าไปในห้องขัง และต้องพาไปพบหมออีกครั้ง เพราะแพทย์ได้แจ้งว่ากระดูกเบ้าตาร้าว และเยื่อบุตาเคลื่อน ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาและดูอาการประมาณ 2 เดือน ตนซึ่งยืนยันที่จะเอาเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ขณะนี้รอผลการตรวจสอบปัสสาวะ ทางนิติวิทยาศาสตร์ จากแพทย์รับรอง ถ้ามีสารเสพติดเกินที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งฟ้องศาลอีกครั้ง ถ้าไม่เกินก็จะไม่ดำเนินคดี นางสาวนิชาภัทร กล่าวนายนราวิช กล่าวว่า ในขณะตนขับรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ที่ไปจอดที่หน้าวัดพระขาวชัยสิทธิ์ ตนเห็นมีคนขายลอตเตอรี่ จึงลงไปเพื่อจะเลือกซื้อ แต่พอลงไปจอดได้ไม่ถึง 1 นาที มีรถวีออสสีดำ และมีชายลงมา 4 คน ถามว่ายาอยู่ไหนได้ข่าวว่ามีเป็นร้อย ตนจึงตอบว่าไม่มีไม่ได้ขายผมไม่ได้ทำ กลุ่มชายดังกล่าวได้เข้ามายึดโทรศัพท์มือถือของตนไปพร้อมทั้งบังคับให้ใส่รหัสปลดล็อค แต่ตนไม่ยอม เนื่องจากมีเงินอยู่ในบัญชีเป็นจำนวนมาก และใช้รหัสเดียวกันกับรหัสเปิดมือถือ ระหว่างนั้นไม่มีการแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยความกลัว ตนจึงจะวิ่งหนีกลุ่มชายดังกล่าว แต่มีชายคนหนึ่งเข้ามาล็อคแขนตนไว้ ก่อนจะมีชายอีกคนตรงเข้ามาต่อยเข้าที่เบ้าตาอย่างแรง ทำให้เบ้าตาแตก หลังจากที่นำตนมาที่โรงพัก แต่เลือดไหลไม่หยุด จึงส่งตัวไปโรงพยาบาลพุทธชินราช เพื่อให้หมอทำบาดแผล ส่วนที่ตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงยอมรับว่าเสพยาบ้ามา 1 เม็ด เพราะเครียดเรื่องงานด้านพ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ให้สัมภาษณ์ ทางโทรศัพท์ว่า ยอมรับว่าบุคคลที่ทำร้ายร่างกาย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ. เมืองพิษณุโลกจริง ก่อนเกิดเหตุมีสายข่าวรายงาน ว่าบุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงเข้าไปตรวจสอบผู้ต้องหารายนี้ และมีการฉุดกระชากกันขึ้นเป็นเหตุชุลมุน ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจะต้องดำเนินคดีตามข้อกล่าวหา ส่วนญาติที่มาแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกาย จะดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายเช่นกัน