เวลา 10.00 น.วันที่ 27 มิถุนายน 62 ที่ตึกนิติเวช โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก นายกองจา นันตีภา อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านน้ำริน ตำบลบ้านกลาง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ได้พานางช่วง โทจำปา อายุ 91 ปี ลูกบ้านอยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 3 ตำบลบ้านกลาง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลกพร้อมบุตรสาว 2 คน เดินทางมาเพื่อรอเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อภายในกระพุ้งแก้ม เพื่อตรวจหา DNA ยืนยันตัวตน เพื่อขอทำบัตรประชาชน ทั้งนี้ ได้มีการตรวจเทียบ DNA กับนายกอง เทพราชา อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 3 ตำบลท่าสะแก อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายต่างบิดา แต่มารดาเดียวกัน ซึ่งยังมีชีวิตเหลืออยู่เพียงคนเดียว ซึ่งในเวลาต่อมา นายกอง ได้เดินทางมาให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้ม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายกอง เทพราชา อายุ 67 ปี น้องชายมารดาเดียวกัน กล่าวว่า ตนเองทราบว่ามีพี่สาวต่างบิดา แต่มารดาเดียวกัน อาศัยอยู่ที่อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก หลังจากทราบปัญหาว่าเป็นคนไทย เชื้อชาติ สัญชาติไทย แต่ไม่มีบัตรประชาชนเนื่องจาก เอกสารได้สูญหายไปจากเหตุไฟไหม้บ้าน ตนเองเต็มใจให้การช่วยเหลือพี่สาว โดยที่ผ่านมาเคยไปร้องขอกับทางจังหวัดพิษณุโลกแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ จนกระทั่งมีหน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พมจ. และโครงการคลินิกกฎหมายนเรศวรเพื่อสิทธิมนุษยชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้ามาช่วยเหลือ จนกระทั่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ให้ดำเนินการตรวจดีเอ็นเอในครั้งนี้ ซึ่งก็หวังให้พี่สาวได้มีบัตรประชาชนจะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงบริการของรัฐ ทั้งสวัสดิการผู้สูงอายุ และสวัสดิการผู้พิการ
ด้านนางบุญเทียน สารมะโน ลูกสาวนางช่วง กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมา การแจ้งสํามะโนประชากร จะทำการแจ้งกลับทางกำนันผู้ใหญ่บ้าน ไม่ได้มีการบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์เช่นปัจจุบัน หลังจากเกิดปัญหาไฟไหม้บ้าน เมื่อกว่า 40 ปีก่อน ทำให้เอกสารของแม่สูญหาย ไปตลอดเวลาก็ไม่เคยไปทำบัตรประชาชน ประกอบกับแม่ไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วย ทำให้ ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรประชาชน จนกระทั่งในปี 2559 แม่ล้มป่วย และกลายเป็นคนไข้ติดเตียง เมื่อขอใช้สิทธิ์บริการของรัฐจึงไม่สามารถใช้ได้ จึงได้ร้องขอกับทางผู้ใหญ่บ้านและนายอำเภอในพื้นที่ ดำเนินการร้องขอ จนล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้ให้คุณแม่ ด้วยคุณอา น้องชายแม่ มาทำการตรวจหา DNA เพื่อยืนยันตัวตนดังกล่าว
ดร.ฉัตรพร หาราบุตร และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กิตติวรยา รัตน์มณี อาจารย์ประจำโครงการคลินิกกฎหมายนเรศวร เพื่อสิทธิมนุษยชนคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้กล่าวว่า วันนี้ ได้นัด นางช่วงและน้องชาย มาเก็บเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มเพื่อนำไปตรวจ หากพบว่า DNA เหมือนกันก็สามารถทำบัตรประชาชนได้ ซึ่งเคสนี้ ทางคลินิกกฎหมาย พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการจังหวัดพิษณุโลก ได้รับเรื่องร้องขอจาก นางกัญญ์ฐญาณ์ ภู่สวาสดิ์ นักสังคมสงเคราะห์ เพื่อขอความร่วมมือในการตรวจสอบยืนยันความเป็นสัญชาติไทยให้กับผู้สูงอายุเคสนี้ ให้สามารถเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ นับเป็นตัว อย่างเป็นต้นแบบของผู้ไม่มีบัตรประชาชนให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อได้สิทธิ์สวัสดิการของรัฐ
โดยใช้สิทธิ์การตรวจ DNA ของกรมการปกครอง ใช้งบประมาณตรวจฟรี ซึ่งในปีนี้จังหวัดพิษณุโลกได้รับสิทธิ์ตรวจถึง 5 ราย สำหรับกรณี คุณยายช่วง ใช้งบประมาณในการตรวจ DNA จำนวน 10,000 บาท สำหรับการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้ม ครั้งนี้ จะได้นำตัวอย่างส่งนิติเวชโรงพยาบาลเชียงใหม่ เพื่ออ่านผลคาดว่าจะใช้เวลาในการอ่านผลประมาณ 2 เดือน ก่อนส่งผลให้กับทางทะเบียนราษฎร์อำเภอวังทอง เพื่อให้สิทธิ์สัญชาติไทย และทำบัตรประชาชนต่อไป
ดร.ฉัตรพร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่อำเภอวังทองได้มีโครงการตรวจพิสูจน์ DNA เพื่อให้สัญชาติไทยกับประชาชนที่ไม่มีบัตรประชาชนจำนวนทั้งสิ้น 50 คน โดยมีผู้ตรวจร่วมจำนวน 40 คน ได้มาตรวจยืนยัน ทั้งนี้ได้ประสบผลสำเร็จ 100% ประชาชนได้บัตรประชาชนเข้าถึงบริการของรัฐจำนวน 49 ราย ส่วนอีก 1 รายได้เสียชีวิตก่อนได้บัตรประจำตัวประชาชน ทั้งนี้หากประชาชนรายใด ยังไม่มีบัตรประชาชน และต้องการเข้าถึงสิทธิการให้บริการของรัฐสามารถแจ้งกำนันผู้ใหญ่บ้านหรืออำเภอในพื้นที่ได้
///////