เมื่อวันที่ 30 พ.ค.62 นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 พิษณุโลก นำกำลังเจ้าหน้าที่ สบอ.11 สนธิกำลังร่วมกับนายธีรเดช ปาละสุวรรณ์ นายนาวี ช้างภิรมย์ หัวหน้าชุดเหยี่ยวดง และเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.อ.พรหมพิราม เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่103 และบ้านเลขที่ 103/1 หมู่ 3 ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ซึ่งปลูกติดกัน หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครองทางอินเตอร์เน็ต Facebook จากการสืบสวนพบว่า นายเอกชัย สีขาว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 3 ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ทำการโพสต์ขายสัตว์ป่าทางอินเตอรเน็ต facebook โดยใช้ชื่อว่า “ฟาร์มมีสุข มีแต่เสียงนก” เจ้าหน้าที่จึงได้ขอหมายศาลเพื่อทำการเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ดังกล่าว แต่ไม่พบตัวนายเอกชัยฯ พบเพียงนายอนุชิต สีขาว อยู่บ้านเลขที่ 103/1 หมู่ 3 ตำบลวงฆ้อง บ้านติดอยู่ในบริเวณเดียวกัน จากการตรวจค้นพบสัตว์ป่าคุ้มครองชนิด นกกระรางคอดำ นกกระรางแก้มแดง นกกิ้งโครง นกขุนทอง พร้อมทั้งกรงนกจำนวนหนึ่ง คอนเหล็กสำหรับให้เหยี่ยวจับยืน จากสภาพบริเวณในตัวบ้านที่เห็นนั้น ทำให้สันนิษฐานได้ว่ามีการลักลอบค้าขายมาเป็นเวลานาน นายอนุชิตฯ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าสัตว์ป่าทั้งหมดเป็นของพี่ชายชื่อเอกชัย สีขาว ปัจจุบันอาศัยอยู่จังหวัดพิจิตร และไปๆมา อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อมาดูแลสัตว์ป่าที่โพสต์ขาย เจ้าหน้าที่ได้จึงจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 คน พร้อมยึดสัตว์ป่าคุ้มครองทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.พรหมพิราม เพื่อดำเนินคดีต่อไปนายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.11 กล่าวว่า การดำเนินคดีนี้ ยังได้ดำเนินคดีตามกฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ปี 2535 ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับเก่าอยู่ ซึ่งผู้ใดค้าหรือครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครอง มีโทษจำคุก 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ได้มีการประกาศใช้กฎหมายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ อีก 180 วันหรือ 6 เดือน ข้างหน้า ถ้าผู้ใดค้าสัตว์ป่าคุ้มครองจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือถ้าผู้ใด้ค้าสัตว์ป่าสงวน จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 300,000-1,500,000 บาท หากผู้ใดครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองหรือสัตว์ป่าสงวนจะมีโทษโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท