พิษณุโลก แม่ทัพภาคที่ 3 แถลงแสดงจุดยืนของกองทัพภาคที่ 3 จะดำรงไว้ซึ่งอธิปไตย ความมั่นคงของชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมแถลงแนวทางแก้ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ที่พบจุดความร้อนลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัญหาหมอกควัน ระดมกำลังทหารเข้าพื้นที่แก้ไข
เมื่อเวลา 11.50 น วันที่ 5 เมษายน 2562 ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 แถลงข่าวภารกิจสำคัญของ กองทัพภาคที่ 3 พร้อมแถลงจุดยืนของกองทัพภาคที่ 3 โดยแจกแถลงจุดยืนของกองทัพภาคที่ 3 ให้สื่อมวลชน ใจความว่า กองทัพภาคที่ 3 จะดำรงไว้ซึ่งอธิปไตย ความมั่นคงของชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ กองทัพภาคที่ 3 เป็นองค์กรทหารอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความพร้อม ในการช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชน ในยามวิกฤติทุกเหตุการณ์ โดยจะเห็นได้จากการปราบปรามยาเสพติด การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ภาคเหนือ ณ ปัจจุบัน ที่กองทัพภาคที่ 3 ได้เข้าร่วมกับทุกภาคส่วนราชการในการดำเนินการ
ที่คลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้นตามลำดับ
กองทัพภาคที่ 3 ขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกท่าน ได้ร่วมกันสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ร่วมรับรู้ข้อมูลข่าวสารบ้านเมืองด้วยการไตร่ตรอง มีสติ มีวิจารณาณบนพื้นฐานข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เพื่อให้เกิดความสงบสุขร่วมกันในสังคมไทย กองทัพภาคที่ 3 จะเทิดทูนไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า และสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชนทุกท่านได้ร่วมกันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีต่อคุณูปการสังคมไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ภารกิจสำคัญที่ผ่านมาของกองทัพก็อย่างที่เห็นคือการป้องกันประเทศ การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แก้ปัญหายาเสพติด ร่วมทั้งสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น กองทัพภาคที่ 3 ขอทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน วันนี้พูดในฐานะของแม่ทัพภาคที่ 3 วันพรุ่งนี้ วันต่อ ๆ ไป ทางผบ.มทบ.แต่ละจังหวัด จะไปทำความเข้าใจร่วมกับสื่อในจังหวัดนั้น ๆ ในการชี้ให้เห็นจุดยืนที่พวกเราต้องพิทักษ์หวงแหนไว้
การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชน คิดว่าสื่อมวลชนทุกท่านมีความเข้าใจ แต่มีบางส่วน มีความเป็นห่วงเป็นใยเยาวชนรุ่นใหม่น้องๆคนรุ่นใหม่ ที่อยากให้คิดถึงความเป็นจริงของสังคม ของประเทศชาติ ในความเป็นตัวตน ความมีประวัติศาสตร์ น้องๆเด็กรุ่นหลัง บางทีไม่เข้าใจ จึงเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนส่วนกลางได้นำเสนอในสังคมภาพรวมอยู่แล้ว แต่ยังมีการนำเสนอในหลายด้านในสื่อโซเซียล อาทิ การโจมตีให้ร้าย การบิดเบือน การตั้งชื่อถอดถอนผู้นำหน่วยงาน การลงชื่อถอนถอนผบ.ทบ. ลงชื่อถอดถอนผวจ.เชียงใหม่ ซึ่งมันจะทำให้ไปสู่สังคมเกิดความแตกแยก มันมีระบบอยู่ มีแนวทางการมาในทางรับราชการ เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจและยอมรับในระบอบระเบียบและเคารพในกฎหมาย เพราะถ้าไม่อย่างนั้นสังคมอาจเกิดความแตกแยกได้ รวมไปถึงการระมัดระวังเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงด้วย จึงอยากทำความเข้าใจจุดยืนที่สำคัญของกองทัพภาคที่ 3 จะดำรงไว้ซึ่งอธิปไตย ความมั่นคงของชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นอกจากนี้ทางแม่ทัพภาคที่ 3 ยังได้กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา และเน้นย้ำทุกฝ่าย ต้องเร่งคลี่คลายสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในภาคเหนือให้ดีขึ้นภายใน 7 วัน ซึ่งที่ผ่านมาจุดความร้อนเริ่มลดลงในหลายจังหวัด แต่วันนี้เพิ่มขึ้นอีกในจังหวัดแม่ฮ่องสอน , เชียงใหม่ และเชียงราย เนื่องจากเป็นพื้นที่แอ่งกระทะประกอบกับไม่มีลมพัดผ่านจึงทำให้ยังมีควันไฟปกคลุมไปทั่ว
พลโทฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยต่อว่า แม้ขณะนี้จะเหลือเวลาอีกเพียง 4 วันเท่านั้น แต่ยืนยันจะบูรณการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 9 จังหวัดภาคเหนือ แก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ล่าสุดได้สั่งการให้จัดชุดเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 1,348 คน เข้าไปดับไฟ ,ทำแนวกันไฟ อยู่ในพื้นที่ครั้งละ 4-5 วัน และเพิ่มเติมการใช้อากาศยานในการดับไฟในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก ควบคู่กับการน้อมนำแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งการปลูกป่าเปียก ,การทำฝายชะลอน้ำไปดำเนินการในทุกพื้นที่ ทั้งนี้จากการติดตามข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม กองทัพภาคที่ 3 กำหนดเขตพื้นที่เสี่ยงบรรเทาปัญหาไฟป่า 3 ลักษณะคือ พื้นที่เมือง ,พื้นที่การเกษตร และพื้นที่ป่า รวม 112 อำเภอ 248 ตำบล โดยให้แต่ละอำเภอสนธิกำลังทุกฝ่ายออกปฏิบัติการดับไฟป่าอย่างต่อเนื่อง
//////////