วันที่ 19 มกราคม 2562 เหตุการณ์พระสมเด็จ เปสโล (คงกระพันธุ์) อายุ 56 ปี พระลูกวัดของวัดบ้านพร้าว ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ที่หายตัวไปบนเทือกเขาผาขี่ควายตั้งแต่ 17 ธันวาคม 2561 จนกระทั่งพบเบาะแสจากชาวบ้านว่า เห็นมีต้นกล้วยป่าถูกถางจำนวนมากมาก จึงลงมาแจ้งผู้ใหญ่บ้าน กระทั่งทีมค้นหาชาวบ้านในพื้นที่ไปพบและพาพระเดชกลับลงมาโดยปลอดภัย รวมเวลาหลงป่า 1 เดือน 2 วัน สร้างความยินดีให้กับญาติและชาวบ้านที่เอาใจช่วย โดยขณะนี้พระเดช ยังคงพักฟื้นสภาพร่างกายอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนครไทย อ.นครไทย
แต่มีประเด็นหนึ่งหลังจากพบตัวพระเดชแล้ว ซึ่งพบในถ้ำ กลางเขาลึก ห่างจากจุดเทือกเขาผาขี่ควาย เป้าหมายที่พระเดชจะขึ้นไปหลายกิโลเมตร นั่นคือสาเหตุที่พระเดชหายตัวไปอย่างไร้ร่องร่อย ในวันที่ 17 ธันวาคม 2561 นั้น พระเดช และพระอำนาจ พระลูกวัด วัดบ้านพร้าว ได้พากันขึ้นเขาผาขี่ควาย เพื่อที่จะขึ้นไปสวดมนต์ หลังจากชาวบ้านช่วยกันทำพิธีเปลี่ยนธงบนยอดเขาผาขี่ควายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขาดลงหลังจากไปปักเมื่อวันเพ็ญเดือนสิบสอง หรือช่วงลอยกระทงปี 2561 ที่ผ่านมา พระอำนาจ คือเป้าหมายที่ครอบครัวพระเดชสงสัยว่า น่าจะพัวพันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป เพราะเป็นพยานบุคคลที่ขึ้นไปพร้อมกันสองคน แต่จากการสอบสวนของจนท.ตำรวจ พระอำนาจ ยืนยันว่าไม่ทราบว่าพระเดชหายไปไหน เพราะเดินนำหน้าขึ้นไปก่อน รวมถึงนำไปสู่การตรวจปัสสาวะของพระอำนาจ ที่พบสารเสพติดในปัสสาวะ กระทั่งนำมาสู่การสึกและเข้าสู่ขบวนการบำบัดในขณะนี้
ประเด็นนี้ น.ส.ช่อเพชร นวลวัน ลูกสาวของพระเดช ได้เปิดเผยว่า ต้องขอโทษทิดอำนาจ หรือ อดีตพระอำนาจ ที่ตนและครอบครัวพุ่งเป้าสงสัยถึงการมีส่วนในการหายตัวไปของพระเดชนานนับเดือน ด้วยสภาพ ณ ตอนนั้น มีเพียงอดีตพระอำนาจที่มีส่วนเกี่ยวข้องและใกล้ชิดกับพระเดช เพราะออกเดินขึ้นเขาผาขี่ควายไปพร้อมกัน ทำให้ตนคิดว่าอดีตพระอำนาจน่าจะมีส่วนกับการหายตัวไปของพระเดช แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าหลงป่าไปเอง ตนต้องขอโทษอดีตพระอำนาจมา ณ ที่นี้ด้วยที่ทำให้เดือดร้อน ตนและมารดา จะเข้าไปขอโทษ ขอขมาอดีตพระอำนาจ รวมถึงเจ้าอาวาสวัดบ้านพร้าวในเร็ว ๆ นี้
น.ส.ช่อเพชร เผยถึงวินาทีที่พบพระเดชว่า มีชาวบ้านที่ขึ้นไปเจอประมาณตีหนึ่งขึ้น ตีสองกว่า ๆ ก็มีชาวบ้านมาบอกกับเราที่บ้านเราก็ขึ้นไปเลย และพบท่านในช่วงกลางเขา ท่านผอมมาก เพราะกินแต่หยวกกล้วย หัวปลี ยอดหวาย ก็ถามพระพ่อว่าไปอย่างไร ท่านก็บอกว่าขึ้นไปกับพระอำนาจ ก็เดินไปเรื่อย ๆ แต่ตามไม่ทัน เดินตัดออกไปทางซ้ายจะกลับมาทางเดิม เห็นผู้ชายใส่เสื้อหนังสีดำสองคน ผมยาวประบ่า หน้าตาเหมือนกันเลย เดินพาพระเดชไป เว้นระยะห่าง ไม่คุยด้วย จนใช้เวลา 6 วันที่อยู่กับชายสองคน จนถึงจุดที่จะเข้าไปสู่ปากถ้ำ ชายชุดดำก็บอกพระเดชว่าให้เดินไปตามทางเรื่อย ๆ จะเจอถ้ำและให้หยุดอยู่ที่นั่น แล้วจะมีคนมารับ พระเดชก็ไปอาศัยอยู่ในถ้ำ พระเดชก็จะตะโกนทุกวัน ว่าพระเดชอยู่นี่นะ แต่ก็ไม่มีใครพบ โชคดีที่ถ้ำตรงนั้นเป็นปางวัว หรือที่พักของคนเลี้ยงวัว ก็จะมีเสบียงเป็นข้าวสารอยู่ แต่พระเดชก็ใช้เสบียงได้ 4 วันข้าวก็หมด จากนั้นก็หาหยวกกล้วย หัวปลี ยอดหวายมาต้มกิน ต้นกล้วยหมดเป็นไร่ ๆ เลย กินแต่ยอดกล้วย พระเดชบอกว่าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่คิดว่าจะได้กลับบ้านด้วยซ้ำ ใช้ชีวิตถางป่าถางหญ้าไปวัน ๆ และเคยคิดจะออกจากถ้ำเหมือนกัน เดินออกจากถ้ำมา 4 วัน แต่ไม่สามารถออกมาจากป่าได้ จึงกลับไปที่ถ้ำตามเดิม เดินตามลอยบากของต้นไม้ที่ทำสัญลักษณ์ไว้กลับมาสู่ถ้ำ
น.ส.ช่อเพชร เผยต่อว่า สอบถามชาวบ้านในพื้นที่แล้วก็ไม่มีใครรู้จักชายชุดดำที่เดินพาจนพระเดชหลงป่าไป ถามพระเดชแล้ว อายุน่าจะประมาณ 40 ปี แต่เคยมีชาวบ้านที่เคยหลงป่าเดินขึ้นไปเจอแล้วมีชายสองคนมาบอก กระทั่งหลงป่าบนเขาลูกนี้เหมือนกัน ตนคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าป่าเจ้าเขา เพราะที่นี่ชาวบ้านตำบลบ้านพร้าวเราจะต้องขึ้นไปปักธงบนยอดเขาผาขี่ควายทุกปี ในช่วงวันเพ็ญเดือนสิบสอง แต่หลังจากปักธงไปแล้ว ธงเกิดล่วงลงมา ชาวบ้านเชื่อว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี จึงได้ขึ้นกันไปปักธงใหม่ และจะต้องมีพิธีสวดใหม่ ในวันที่ 17 ธันวาคม 2561 และพระเดชกับพระอำนาจก็ขึ้นไปเพื่อจะสวดในพิธี กระทั่งพระเดชหลงป่าไป ซึ่งช่วงที่พระเดชเดินตามชายสองคนไปนั้น พระเดชคิดว่าชายสองคนเป็นชาวบ้านที่ขึ้นไปทำพิธีเหมือนกัน จึงเดินตามไปจนหลงป่า
……………………………………………………………………………